อังกฤษแก้กฎให้กษัตริย์อภิเษกกับสตรีคาทอลิกได้แล้ว รวมทั้งให้ราชธิดาสืบบััลลังก์ได้ด้วย
เครือจักรภพอังกฤษ ประกาศเปลี่ยนกฏมณเฑียรบาลหลายข้อ หนึ่งในข้อที่เกี่ยวข้องกับคาทอลิกก็คือ "กษัตริย์สามารถอภิเษกกับสตรีชาวคาทอลิกได้แล้ว" ... โดยกฎแล้ว กษัตริย์อังกฤษจะต้องนับถือศาสนาคริสต์นิกายเชิร์ชออฟอิงแลนด์ และสมัยก่อน เวลากษัตริย์อังกฤษจะอภิเษกกับสตรีที่นับถือศาสนาคริสต์นิกายคาทอลิก ก็จะบังคับว่าสตรีคนนั้นก็ต้องเปลี่ยนมานับถือเชิร์ชออฟอิงแลนด์ก่อน ถึงจะเข้าพิธีได้ ...
ที่ต้องเปลี่ยนเพราะ "เคท มิดเดิลตัน" พระชายาในเจ้าฟ้าชายวิลเลียม เป็นคาทอลิกนั่นเอง http://bbc.in/tVHWV9
การเปลี่ยนไม่ใช่เพียงเรื่องนี้เท่านั้น แต่ยังรวมไปถึงการเปลี่ยนกฎการสืบราชสันตติวงศ์ของอังกฤษโดยให้สิทธิ์รัชทายาททั้งชายและหญิงขึ้นครองราชย์ได้เท่าเทียมกันอีกด้วย ทั้งที่กฎนี้ใช้มานานกว่า 300 ปี
วันที่ 28 ต.ค. 2554 บีบีซีรายงานว่า ผู้นำกลุ่มประเทศในเครือจักรภพอังกฤษ 16 ประเทศ รวมถึงอังกฤษ แคนาดา และออสเตรเลีย เห็นพ้องในการประชุมสุดยอดกันที่ออสเตรเลีย ให้เปลี่ยนกฎการสืบราชสันตติวงศ์ของอังกฤษที่ใช้มานานกว่า 300 ปี โดยให้สิทธิ์รัชทายาททั้งชายและหญิงขึ้นครองราชย์ได้เท่าเทียมกัน ผลจากการเปลี่ยนกฎดังกล่าว จะทำให้ทายาทพระองค์แรกของเจ้าชายวิลเลียมและเคต ดยุกและดัชเชสแห่งเคมบริดจ์ มีสิทธิ์สืบทอดราชบัลลังก์ต่อจากเจ้าชายวิลเลียมในทันที ไม่ว่าจะเป็นหญิงหรือชาย
นายเดวิด คาเมรอน นายกรัฐมนตรีอังกฤษประกาศการเปลี่ยนแปลงกฎมณเฑียรบาล ภายหลังการประชุมที่ออสเตรเลีย ขณะที่สมเด็จพระราชินีนาถอลิซาเบธที่ 2 ประมุขแห่งอังกฤษ เสด็จฯ เยือนออสเตรเลีย โดยระบุว่ากฎหมายเก่าแก่กลายเป็นสิ่งล้าสมัยกับประเทศอังกฤษที่ก้าวเข้าสู่ยุคสมัยใหม่
"การให้พระโอรสที่อ่อนชันษากว่าเป็นผู้สืบราชบัลลังก์แทนที่จะเป็นพระธิดาที่มีชันษามากกว่า เพียงเพราะความเป็นผู้ชายนั้น ไม่เป็นที่ยอมรับอีกแล้ว รวมไปถึงข้อห้ามว่า รัชทายาทเสกสมรสกับผู้นับถือศาสนาอื่นใดก็ได้ ยกเว้นคาทอลิก ก็สมควรต้องเปลี่ยน" คาเมรอนกล่าว
สำหรับกฎมณเฑียรบาลเดิมของราชวงศ์วินด์เซอร์กำหนดให้ผู้มีสิทธิ์สืบราชสมบัติได้ต้องเป็นพระโอรสองค์แรกเท่านั้นและจะให้สิทธิ์พระธิดาองค์โตก็ต่อเมื่อในราชวงศ์ไม่มีพระโอรสเลย เหมือนสมัยของสมเด็จพระราชินีนาถอลิซาเบธที่ 2 ประมุขแห่งสหราชอาณาจักรองค์ปัจจุบัน
ทั้งนี้ เจ้าชายวิลเลียม พระโอรสในเจ้าฟ้าชายชาร์ลส์และเจ้าหญิงไดอาน่า ทรงเป็นรัชทายาทลำดับที่ 2 ของราชวงศ์อังกฤษ ต่อจากเจ้าฟ้าชายชาร์ลส์ พระราชบิดา เจ้าชายวิลเลียมเข้าพิธีเสกสมรสกับแคทเธอรีน หรือ เคต มิดเดิลตัน เมื่อวันที่ 29 เม.ย. ปีคศ. 2554
ต่อมา ก็ทรงมีพระประสูติกาล “พระโอรส” เมื่อ 22 ก.ค. ปีค.ศ.2556 ทรงให้พระนามว่า "เจ้าชายจอร์จ อเล็กซานเดอร์ หลุยส์ แห่งเคมบริจด์"
เครือจักรภพอังกฤษ ประกาศเปลี่ยนกฏมณเฑียรบาลหลายข้อ หนึ่งในข้อที่เกี่ยวข้องกับคาทอลิกก็คือ "กษัตริย์สามารถอภิเษกกับสตรีชาวคาทอลิกได้แล้ว" ... โดยกฎแล้ว กษัตริย์อังกฤษจะต้องนับถือศาสนาคริสต์นิกายเชิร์ชออฟอิงแลนด์ และสมัยก่อน เวลากษัตริย์อังกฤษจะอภิเษกกับสตรีที่นับถือศาสนาคริสต์นิกายคาทอลิก ก็จะบังคับว่าสตรีคนนั้นก็ต้องเปลี่ยนมานับถือเชิร์ชออฟอิงแลนด์ก่อน ถึงจะเข้าพิธีได้ ...
ที่ต้องเปลี่ยนเพราะ "เคท มิดเดิลตัน" พระชายาในเจ้าฟ้าชายวิลเลียม เป็นคาทอลิกนั่นเอง http://bbc.in/tVHWV9
การเปลี่ยนไม่ใช่เพียงเรื่องนี้เท่านั้น แต่ยังรวมไปถึงการเปลี่ยนกฎการสืบราชสันตติวงศ์ของอังกฤษโดยให้สิทธิ์รัชทายาททั้งชายและหญิงขึ้นครองราชย์ได้เท่าเทียมกันอีกด้วย ทั้งที่กฎนี้ใช้มานานกว่า 300 ปี
วันที่ 28 ต.ค. 2554 บีบีซีรายงานว่า ผู้นำกลุ่มประเทศในเครือจักรภพอังกฤษ 16 ประเทศ รวมถึงอังกฤษ แคนาดา และออสเตรเลีย เห็นพ้องในการประชุมสุดยอดกันที่ออสเตรเลีย ให้เปลี่ยนกฎการสืบราชสันตติวงศ์ของอังกฤษที่ใช้มานานกว่า 300 ปี โดยให้สิทธิ์รัชทายาททั้งชายและหญิงขึ้นครองราชย์ได้เท่าเทียมกัน ผลจากการเปลี่ยนกฎดังกล่าว จะทำให้ทายาทพระองค์แรกของเจ้าชายวิลเลียมและเคต ดยุกและดัชเชสแห่งเคมบริดจ์ มีสิทธิ์สืบทอดราชบัลลังก์ต่อจากเจ้าชายวิลเลียมในทันที ไม่ว่าจะเป็นหญิงหรือชาย
นายเดวิด คาเมรอน นายกรัฐมนตรีอังกฤษประกาศการเปลี่ยนแปลงกฎมณเฑียรบาล ภายหลังการประชุมที่ออสเตรเลีย ขณะที่สมเด็จพระราชินีนาถอลิซาเบธที่ 2 ประมุขแห่งอังกฤษ เสด็จฯ เยือนออสเตรเลีย โดยระบุว่ากฎหมายเก่าแก่กลายเป็นสิ่งล้าสมัยกับประเทศอังกฤษที่ก้าวเข้าสู่ยุคสมัยใหม่
"การให้พระโอรสที่อ่อนชันษากว่าเป็นผู้สืบราชบัลลังก์แทนที่จะเป็นพระธิดาที่มีชันษามากกว่า เพียงเพราะความเป็นผู้ชายนั้น ไม่เป็นที่ยอมรับอีกแล้ว รวมไปถึงข้อห้ามว่า รัชทายาทเสกสมรสกับผู้นับถือศาสนาอื่นใดก็ได้ ยกเว้นคาทอลิก ก็สมควรต้องเปลี่ยน" คาเมรอนกล่าว
สำหรับกฎมณเฑียรบาลเดิมของราชวงศ์วินด์เซอร์กำหนดให้ผู้มีสิทธิ์สืบราชสมบัติได้ต้องเป็นพระโอรสองค์แรกเท่านั้นและจะให้สิทธิ์พระธิดาองค์โตก็ต่อเมื่อในราชวงศ์ไม่มีพระโอรสเลย เหมือนสมัยของสมเด็จพระราชินีนาถอลิซาเบธที่ 2 ประมุขแห่งสหราชอาณาจักรองค์ปัจจุบัน
ทั้งนี้ เจ้าชายวิลเลียม พระโอรสในเจ้าฟ้าชายชาร์ลส์และเจ้าหญิงไดอาน่า ทรงเป็นรัชทายาทลำดับที่ 2 ของราชวงศ์อังกฤษ ต่อจากเจ้าฟ้าชายชาร์ลส์ พระราชบิดา เจ้าชายวิลเลียมเข้าพิธีเสกสมรสกับแคทเธอรีน หรือ เคต มิดเดิลตัน เมื่อวันที่ 29 เม.ย. ปีคศ. 2554
ต่อมา ก็ทรงมีพระประสูติกาล “พระโอรส” เมื่อ 22 ก.ค. ปีค.ศ.2556 ทรงให้พระนามว่า "เจ้าชายจอร์จ อเล็กซานเดอร์ หลุยส์ แห่งเคมบริจด์"
เจ้าชายน้อยพระองค์นี้ จึงมีสิทธิ์เสกสมรสกับชาวคาทอลิก โดยที่ยังขึ้นครองราชย์ได้ แต่การแก้ไขกฎทั้ง 2 ข้อนี้ไม่มีผลย้อนหลังไปถึงรัชทายาทลำดับที่ 1 และ 2
แต่เดิมนั้น อังกฤษเคยเป็นประเทศคาทอลิก ต่อมานับตั้งแต่กษัตริย์เฮนรี ที่ 8 ประกาศแยกตัวจากคริสตจักรโรมันคาทอลิกในกรุงโรม ในศตวรรษที่ 16 นำมาซึ่งการประหัตประหารทางศาสนา แล้วพระเจ้าเฮนรี่ที่ 8 ก็เลยตั้งศาสนาคริสต์นิกายใหม่ของอังกฤษเองขึ้นมา ชื่อว่า นิกายคริสตจักรอังกฤษ หรือ Church of England หรือ Anglican แล้วก็ตั้งให้ตำแหน่งกษัตริย์ของตนเองเป็นประมุขทางศาสนาหรือพระสังฆราชไปด้วยเลย (เรื่องนี้มีเหตุจากการที่พระเจ้าจอร์จอยากหย่าร้างกับราชินีเดิมแล้วแต่งงานใหม่ ซึ่งต้องขออนุญาตจากโป๊ปก่อน แต่โป๊ปไม่ทรงอนุญาต ก็เลยแยกต่อต้านโป๊บจนแยกนิกายเสียเลย)
จากนั้นพระเจ้าจอร์จก็ตั้งกฎมณเฑียรบาลว่า ประมุขของประเทศอังกฤษทุกองค์ต้องมีฐานะเป็นประมุข “คริสตจักรอังกฤษ” (Anglican) ด้วย ดังนั้น กษัตริย์อังกฤษทุกพระองค์จึงต้องเป็น “องค์ศาสนูปถัมภก” และนับถือศาสนาคริสต์นิกายนี้ไปโดยปริยาย
แต่กฎใหม่ซึ่งอยู่ระหว่างผลักดันให้เป็นกฎหมาย อนุญาตให้อภิเษกสมรสกับผู้นับถือนิกายโรมันคาทอลิกได้
อย่างไรก็ตาม กฎมณเฑียรบาลที่ยังคงเป็นเหมือนเดิมคือ หากกษัตริย์อังกฤษองค์ใดจะ "เปลี่ยนนิกาย"
ซึ่งนั่นก็รวมถึงกรณีที่ต้องการหันไปนับถือศาสนาอื่น ...หรือไม่นับถือศาสนาใด
อันนี้...ก็จะต้องสละราชบัลลังก์
ศิลป์ชัย เชาว์เจริญรัตน์
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น