วันศุกร์ที่ 19 มิถุนายน พ.ศ. 2558

อังกฤษกับการเริ่มเปลี่ยนจุดยืนเรื่องสถาบันกษัตริย์กับศาสนา และเพศของพระประมุข




อังกฤษแก้กฎให้กษัตริย์อภิเษกกับสตรีคาทอลิกได้แล้ว รวมทั้งให้ราชธิดาสืบบััลลังก์ได้ด้วย


เครือจักรภพอังกฤษ ประกาศเปลี่ยนกฏมณเฑียรบาลหลายข้อ หนึ่งในข้อที่เกี่ยวข้องกับคาทอลิกก็คือ "กษัตริย์สามารถอภิเษกกับสตรีชาวคาทอลิกได้แล้ว" ... โดยกฎแล้ว กษัตริย์อังกฤษจะต้องนับถือศาสนาคริสต์นิกายเชิร์ชออฟอิงแลนด์ และสมัยก่อน เวลากษัตริย์อังกฤษจะอภิเษกกับสตรีที่นับถือศาสนาคริสต์นิกายคาทอลิก ก็จะบังคับว่าสตรีคนนั้นก็ต้องเปลี่ยนมานับถือเชิร์ชออฟอิงแลนด์ก่อน ถึงจะเข้าพิธีได้ ...

ที่ต้องเปลี่ยนเพราะ "เคท มิดเดิลตัน" พระชายาในเจ้าฟ้าชายวิลเลียม เป็นคาทอลิกนั่นเอง http://bbc.in/tVHWV9

การเปลี่ยนไม่ใช่เพียงเรื่องนี้เท่านั้น แต่ยังรวมไปถึงการเปลี่ยนกฎการสืบราชสันตติวงศ์ของอังกฤษโดยให้สิทธิ์รัชทายาททั้งชายและหญิงขึ้นครองราชย์ได้เท่าเทียมกันอีกด้วย ทั้งที่กฎนี้ใช้มานานกว่า 300 ปี

วันที่ 28 ต.ค. 2554 บีบีซีรายงานว่า ผู้นำกลุ่มประเทศในเครือจักรภพอังกฤษ 16 ประเทศ รวมถึงอังกฤษ แคนาดา และออสเตรเลีย เห็นพ้องในการประชุมสุดยอดกันที่ออสเตรเลีย ให้เปลี่ยนกฎการสืบราชสันตติวงศ์ของอังกฤษที่ใช้มานานกว่า 300 ปี โดยให้สิทธิ์รัชทายาททั้งชายและหญิงขึ้นครองราชย์ได้เท่าเทียมกัน ผลจากการเปลี่ยนกฎดังกล่าว จะทำให้ทายาทพระองค์แรกของเจ้าชายวิลเลียมและเคต ดยุกและดัชเชสแห่งเคมบริดจ์ มีสิทธิ์สืบทอดราชบัลลังก์ต่อจากเจ้าชายวิลเลียมในทันที ไม่ว่าจะเป็นหญิงหรือชาย

นายเดวิด คาเมรอน นายกรัฐมนตรีอังกฤษประกาศการเปลี่ยนแปลงกฎมณเฑียรบาล ภายหลังการประชุมที่ออสเตรเลีย ขณะที่สมเด็จพระราชินีนาถอลิซาเบธที่ 2 ประมุขแห่งอังกฤษ เสด็จฯ เยือนออสเตรเลีย โดยระบุว่ากฎหมายเก่าแก่กลายเป็นสิ่งล้าสมัยกับประเทศอังกฤษที่ก้าวเข้าสู่ยุคสมัยใหม่

"การให้พระโอรสที่อ่อนชันษากว่าเป็นผู้สืบราชบัลลังก์แทนที่จะเป็นพระธิดาที่มีชันษามากกว่า เพียงเพราะความเป็นผู้ชายนั้น ไม่เป็นที่ยอมรับอีกแล้ว รวมไปถึงข้อห้ามว่า รัชทายาทเสกสมรสกับผู้นับถือศาสนาอื่นใดก็ได้ ยกเว้นคาทอลิก ก็สมควรต้องเปลี่ยน" คาเมรอนกล่าว

สำหรับกฎมณเฑียรบาลเดิมของราชวงศ์วินด์เซอร์กำหนดให้ผู้มีสิทธิ์สืบราชสมบัติได้ต้องเป็นพระโอรสองค์แรกเท่านั้นและจะให้สิทธิ์พระธิดาองค์โตก็ต่อเมื่อในราชวงศ์ไม่มีพระโอรสเลย เหมือนสมัยของสมเด็จพระราชินีนาถอลิซาเบธที่ 2 ประมุขแห่งสหราชอาณาจักรองค์ปัจจุบัน

ทั้งนี้ เจ้าชายวิลเลียม พระโอรสในเจ้าฟ้าชายชาร์ลส์และเจ้าหญิงไดอาน่า ทรงเป็นรัชทายาทลำดับที่ 2 ของราชวงศ์อังกฤษ ต่อจากเจ้าฟ้าชายชาร์ลส์ พระราชบิดา เจ้าชายวิลเลียมเข้าพิธีเสกสมรสกับแคทเธอรีน หรือ เคต มิดเดิลตัน เมื่อวันที่ 29 เม.ย. ปีคศ. 2554

ต่อมา ก็ทรงมีพระประสูติกาล “พระโอรส” เมื่อ 22 ก.ค. ปีค.ศ.2556  ทรงให้พระนามว่า "เจ้าชายจอร์จ อเล็กซานเดอร์ หลุยส์ แห่งเคมบริจด์"  

เจ้าชายน้อยพระองค์นี้ จึงมีสิทธิ์เสกสมรสกับชาวคาทอลิก โดยที่ยังขึ้นครองราชย์ได้ แต่การแก้ไขกฎทั้ง 2 ข้อนี้ไม่มีผลย้อนหลังไปถึงรัชทายาทลำดับที่ 1 และ 2 

แต่เดิมนั้น  อังกฤษเคยเป็นประเทศคาทอลิก  ต่อมานับตั้งแต่กษัตริย์เฮนรี ที่ 8 ประกาศแยกตัวจากคริสตจักรโรมันคาทอลิกในกรุงโรม ในศตวรรษที่ 16 นำมาซึ่งการประหัตประหารทางศาสนา   แล้วพระเจ้าเฮนรี่ที่ 8 ก็เลยตั้งศาสนาคริสต์นิกายใหม่ของอังกฤษเองขึ้นมา ชื่อว่า นิกายคริสตจักรอังกฤษ หรือ Church of England หรือ Anglican    แล้วก็ตั้งให้ตำแหน่งกษัตริย์ของตนเองเป็นประมุขทางศาสนาหรือพระสังฆราชไปด้วยเลย    (เรื่องนี้มีเหตุจากการที่พระเจ้าจอร์จอยากหย่าร้างกับราชินีเดิมแล้วแต่งงานใหม่  ซึ่งต้องขออนุญาตจากโป๊ปก่อน  แต่โป๊ปไม่ทรงอนุญาต  ก็เลยแยกต่อต้านโป๊บจนแยกนิกายเสียเลย)   

จากนั้นพระเจ้าจอร์จก็ตั้งกฎมณเฑียรบาลว่า ประมุขของประเทศอังกฤษทุกองค์ต้องมีฐานะเป็นประมุข “คริสตจักรอังกฤษ” (Anglican) ด้วย ดังนั้น กษัตริย์อังกฤษทุกพระองค์จึงต้องเป็น “องค์ศาสนูปถัมภก” และนับถือศาสนาคริสต์นิกายนี้ไปโดยปริยาย

แต่กฎใหม่ซึ่งอยู่ระหว่างผลักดันให้เป็นกฎหมาย อนุญาตให้อภิเษกสมรสกับผู้นับถือนิกายโรมันคาทอลิกได้

อย่างไรก็ตาม  กฎมณเฑียรบาลที่ยังคงเป็นเหมือนเดิมคือ หากกษัตริย์อังกฤษองค์ใดจะ "เปลี่ยนนิกาย"

ซึ่งนั่นก็รวมถึงกรณีที่ต้องการหันไปนับถือศาสนาอื่น ...หรือไม่นับถือศาสนาใด

อันนี้...ก็จะต้องสละราชบัลลังก์  


ศิลป์ชัย  เชาว์เจริญรัตน์

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น