วันอาทิตย์ที่ 30 ธันวาคม พ.ศ. 2555

มานุษยวิทยาศาสนา (Anthropology of religion)

หนังสือบางเล่มที่เกี่ยวกับมานุษยวิทยาศาสนา
ปัจจุบันมีมหาวิทยาลัยหลายแห่งเปิดหลักสูตรวิชามานุษยวิทยาศาสนา ได้แก่ มหาวิทยาลัยดรูว์ ,พริ้นซ์ตัน, ไรซ์, แคลิฟอร์เนีย ณ เบิร์กลีย์, และ มิชิแกน ในแต่ละแห่งจะมีนักมานุษยวิทยาที่ทำวิจัยในประเด็นศาสนาอย่างจริงจังประมาณ 1-2 คน แต่ในมหาวิทยาลัยอื่นๆ การศึกษามานุษยวิทยาศาสนาอาจปรากฏอยู่ในสาขาวิชาศาสนศึกษา เช่น ที่มหาวิทยาลัยอินเดียน่า, ชิคาโก, ฮาร์วาร์ด และ แคลิฟอร์เนีย ณ ซานตา บาร์บาร่า นอกจากนั้น มอร์ตัน คลาส, เจมส์ พีค็อค และนักมานุษยวิทยาอีกหลายคนเคยมาประชุมหารือร่วมกัน และช่วยกันจัดตั้งกลุ่มมานุษยวิทยาศาสนาขึ้นภายในสมาคมมานุษยวิทยาแห่งอเมริกัน สิ่งพิมพ์เกี่ยวกับมานุษยวิทยาศาสนาจึงมีเพิ่มขึ้น และในขณะที่มีการนำงานเขียนเก่าๆออกมาตีพิมพ์ใหม่ นักมานุษยวิทยาหลายคนก็เริ่มคิดถึงกรอบความคิดทฤษฎีใหม่ๆที่จะใช้ศึกษาศาสนาด้วย ในขณะที่ยังไม่มีวารสารเฉพาะของมานุษยวิทยาศาสนา แต่ก็มีวารสารอื่นๆที่นำเรื่องศาสนามาเป็นประเด็นสำคัญ

อะไรคือมานุษยวิทยาศาสนา?

วันอังคารที่ 13 พฤศจิกายน พ.ศ. 2555

ทำไมชายไทยจึงเป็นแชมป์โลกเรื่อง "เจ้าชู้"

มีข่าวเมื่อเดือนสิงหาคม พ.ศ.2555 รายงานผลสำรวจที่จัดทำโดย บริษัท ดูเร็กซ์ ผู้ผลิตถุงยางอนามัย ระบุว่า  ชายไทยนอกใจคู่รักมากที่สุดในโลก   ขณะที่หญิงไทยไม่น้อยหน้า ซิวที่2 ว่าโกหก-นอกใจคู่รักมากที่สุด

และไม่ใช่เพียง "นอกใจ" เท่านั้น ชายไทยก็ยังได้ชื่อเสียงว่ามี "มีเมียน้อย" กันโดยทั่วไปจนเป็นเรื่องธรรมดาอีกด้วย

ถือเป็นเรื่องน่าทึ่งมาก ที่ประเทศใดประเทศหนึ่งจะได้แชมป์ในเรื่องทำนองนี้ได้  โดยเฉพาะเป็นประเทศที่มีภาพว่าเคร่งศาสนาและมีวัฒนธรรมประเพณีอันดีงาม   ทำให้พาลนึกไปว่า ขนาดว่าเคร่งในศาสนาและวัฒนธรรมประเพณีอันดีงาม ยังได้แชมป์เรื่องนี้  นี่ถ้าไม่เคร่งนี่จะขนาดไหน?

วันจันทร์ที่ 29 ตุลาคม พ.ศ. 2555

นักเทศน์ที่รวยที่สุดในโลก

ในปี 2554 นิตยสารฟอร์ปซึ่งเป็นนิตรสารทางการเงินที่ทรงอิทธิพลของโลกและมักจัดอันดับความร่ำรวยของบุคคลและองค์กรในด้านต่างๆ ของโลกอยู่เสมอ แต่ครั้งนี้ได้รายงานถึงศิษยาภิบาลที่มีความร่ำรวยมากไว้หลายบุคคล แต่สิ่งที่ผู้เขียนขอนำมาเสนอคนที่ร่ำรวยที่สุด และถือว่าเป็นนักเทศน์หรือศิษยาภิบาลที่ร่ำรวยที่สุดในโลกนี้ คือ... บิชอป เดวิด โอเยเดโป (Bishop David Oyedepo)

เป็นชาวไนจีเรีย มีพันธกิจและโบสถ์ที่ชื่อ Faith Tabernacle ซึ่งเป็นโบสถ์ที่ใหญ่ที่สุดในอัฟริกา จุคนได้ห้าหมื่นคน และยังมีโบสถ์สาขาในอีกหลายที่รวมทั้งในต่างประเทศหลายประเทศ และยังมีองค์กร Living Faith World Outreach Ministry

วันศุกร์ที่ 26 ตุลาคม พ.ศ. 2555

จรรยาบรรณของอาจารย์และนักวิชาการ


วัฒนธรรมไทยในสายตาคนสองวัฒนธรรม อย่าง คริส ดีลิเวอรี่


คริสโตเฟอร์ ไรท์ เจ้าของโรงเรียนสอนภาษาอังกฤษ นักแสดง และผู้ดำเนินรายการวิทยุ ชื่อดัง ถูกเชิญไปบรรยายพิเศษเรื่อง "คน (เมือง) นอก มองไทยพร้อมแค่ไหนสู่ ASEAN" ในโครงการอบรมผู้นำนักศึกษามหาวิทยาลัยมหิดล หรือ MU Leadership จากการที่เขามองจากมุมมองของคนสองวัฒนธรรม ทั้งไทยทั้งฝรั่ง จึงสามารถช่วยสะท้อนให้เราคนไทยได้คิด มีเนื้อหาที่น่าสนใจหลายประเด็น จึงขอสรุปและนำมาเสนอต่อดังนี้...

คุณครูคริสโตเฟอร์ ไรท์ บอกว่า คนไทยเรามีบางวัฒนธรรม ที่อาจทำให้การฝึกฝนภาษาอังกฤษเพื่อสื่อสารกับชาวต่างชาติของไทยไม่สำเร็จหรือเป็นผลสำเร็จช้า รวมทั้งทำให้การทำอะไรก็ไม่ค่อยประสบความสำเร็จไปด้วย นั่นคือ

วันพุธที่ 24 ตุลาคม พ.ศ. 2555

โบสถ์สอนเท็จอันใหม่เมดอินเกาหลี เชื่อในพระเจ้าพระมารดา

คลิกดูภาพใหญ่
ก่อนอื่นต้องอธิบายก่อนว่าที่ว่า "สอนเท็จ" ในที่นี้หมายถึงตามบรรทัดฐานของคริสตชนกระแสหลัก     โบสถ์หรือคริสตจักรที่ว่านี้ชื่อในภาษาอังกฤษคือ "The World Mission Society Church of God" แปลเป็นไทยได้ว่า "คริสตจักรสมาคมมิชชั่นโลก ของพระเจ้า"

ตามประวัติจากเวบไซท์ของเขาคือ http://english.watv.org บอกว่า ตั้งมาตั้งแต่ปี 1948 ก่อตั้งโดย พระคริสต์ที่เสด็จกลับมาครั้งที่สอง ซึ่งเป็นชายเกาหลีที่ชื่อว่า Ahnsahnghong (น่าจะอ่านว่า อันซังฮง) พวกเขาถึงกับเรียกชายผู้นี้ว่า "พระคริสต์อันซังฮง" เลยทีเดียว เขาว่าพระคริสต์เกาหลีผู้นี้มาถึงเกาหลีในปี 1948 ซึ่งที่พระคริสต์มาที่เกาหลีเพราะเกาหลีตั้งอยู่ที่ "สุดปลายแผ่นดินโลกทางตะวันออก" ซึ่งตรงกับคำทำนายเรื่องต้นมะเดื่อ เมื่อมาถึงก็เริ่มประกาศ

วันจันทร์ที่ 8 ตุลาคม พ.ศ. 2555

9 บทเรียนทองของ สตีฟ จอบส์

alt
โดย บุญสิตา
9 คำพูดที่ดีที่สุดที่คัดเลือกมานี้ จะช่วยให้คุณทำงานได้สำเร็จตามสไตล์ซีอีโอแสนล้าน
1. สตีฟ จอบส์ พูดว่า “นวัตกรรมเป็นสิ่งที่ทำให้เกิดความแตกต่างระหว่างผู้นำและผู้ตาม”
นวัตกรรมหรือวิธีการใหม่ เป็นสิ่งไร้ขีดจำกัด มีเพียงจินตนาการเท่านั้นที่มีขอบเขต ถึงเวลาแล้วที่คุณต้องเริ่มคิดนอกกรอบ ถ้าคุณทำงานในภาคธุรกิจที่กำลังเติบโต ต้องรู้จักคิดหาทางทำงานให้มีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น ทำให้ลูกค้าพึงพอใจ และอยากจะทำธุรกรรมด้วย แต่ถ้าคุณอยู่ในธุรกิจที่กำลังหดตัว ต้องรีบออกมาจากธุรกิจนั้นโดยเร็ว และเปลี่ยนแปลงก่อนที่คุณจะกลายเป็นคนตกยุค ตกงาน หรือธุรกิจล่มสลาย และต้องจำไว้เสมอว่า คุณจะผัดวันประกันพรุ่งไม่ได้ ต้องเริ่มเปลี่ยนแปลงเดี๋ยวนี้

วันอาทิตย์ที่ 7 ตุลาคม พ.ศ. 2555

คิดแบบยิว ทำแบบยิว รวยเหมือน…ยิว

โดย สวลี ตันกุลรัตน์

หลังจากเขียนเรื่อง “คิดเหมือนเจ้าสัว ทำแบบเจ้าสัว รวยเป็น…เจ้าสัว” ไปเมื่อเทศกาลตรุษจีนที่ผ่านมา ก็มีคนมากระซิบว่า ถ้าจะให้พูดถึงความร่ำรวยแล้ว ชนชาติที่มั่งคั่งร่ำรวยที่สุดในโลกน่าจะเป็น “ยิว” เพราะชนชาติยิวมี “เคล็ดลับ” สร้างความร่ำรวยที่น่าเอาอย่าง
.
แต่ต้องยอมรับตามตรงว่า แทบจะไม่มีพื้นฐานความรู้เกี่ยวกับชนชาติยิวสักเท่าไร โอกาสที่จะรู้จักมักจี่กับชนชาติยิวยิ่งไม่ต้องพูดถึง
.
นอกจากนี้ ถ้าได้ยินคำว่า “ยิว” ก็ต้องยอมรับอีกครั้งว่า ออกจะมีความรู้สึกไปในทางลบเสียเป็นส่วนใหญ่ (ทั้งๆที่ไม่ได้เคยรู้จัก) และอีกความรู้สึกคือ สงสารและเห็นใจ เพราะครั้งแรกที่รู้จักคำว่า “ยิว” ก็จากหนังสือเรื่อง “บันทึกลับ ของ แอนน์ แฟรงค์” หนังสือที่สร้างจากสมุดบันทึกประจำวันของ “อันเนอ ฟรังค์” ที่ต้องผ่านชีวิตที่ยากลำบากในการฆ่าล้างเผ่าพันธุ์ในสมัยสงครามโลกครั้งที่ 2
.

จดหมายเรื่อง 'พระเจ้า' ของไอน์สไตน์ ถูกนำมาประมูลผ่าน eBay

จดหมายของอัลเบิร์ต ไอน์สไตน์ นักวิทยาศาสตร์ชื่อดังที่เขียนโต้เถียงกับนักปรัชญาชาวยิวในเรื่องพระเจ้าและคัดค้านเรื่องที่ว่าชาวยิวเป็นเชื้อชาติผู้ถูกเลือก ถูกนำมาประมูลผ่าน eBay ด้วยราคาเริ่มต้น 3 ล้านดอลลาร์

6 ต.ค. 2012 - จดหมายของนักวิทยาศาสตร์ชื่อก้องโลก อัลเบิร์ต ไอน์สไตน์ ที่เขียนความเห็นเกี่ยวกับเรื่อง 'พระเจ้า' จะถูกนำมาประมูลผ่านเว็บ eBay ในวันที่ 8 ต.ค. นี้

วันศุกร์ที่ 5 ตุลาคม พ.ศ. 2555

เทวทาสี กับโสเภณีศักดิ์สิทธิ์


 เทวทาสี ถ้าจะเรียกในภาษาทั่วไปในปัจจุบันก็อาจเรียกว่า โสเภณีทางศาสนา (religious prostitute) หรือบางทีก็เรียกโสเภณีศักดิ์สิทธิ์ (sacred prostitute)  

พระคัมภีร์ไบเบิลภาคพันธสัญญาเดิมกล่าวถึง "เทวทาส" และ "เทวทาสี" ไว้อย่างนี้ว่า

"..ผู้หญิงชาวอิสราเอลนั้น อย่าให้คนหนึ่งคนใดเป็นเทวทาสี  อย่าให้บุตรชายอิสราเอลคนหนึ่งคนใดเป็นเทวทาส  ท่านอย่านำค่าจ้างของเทวทาสี หรือค่าจ้างจากหมา มาในวิหารของพระเยโฮวาห์พระเจ้าของท่าน เป็นเงินแก้บนอย่างหนึ่งอย่างใด   เพราะสิ่งทั้งสองนี้ เป็นสิ่งพึงรังเกียจแด่พระเยโฮวาห์พระเจ้าของท่าน"  
(เฉลยธรรมบัญญัติ 23:17-18) 

คำว่า เทวทาส และ เทวทาสี หรือจะเรียกว่า ทาสของเทพเจ้าที่่มีทั้งชายหรือหญิง ก็ได้ หมายถึง ชายหรือหญิงผู้ให้การร่วมประเวณีในพิธีศาสนาแก่ผู้มาทำพิธีบวงสรวงเทพเจ้า   แต่ส่วนใหญ่ที่เป็นหญิงจะมีมากกว่า

ทัศนะของคริสเตียนต่อประเพณีการไหว้บรรพบุรุษของชาวจีนแคะในไต้หวัน

(เขียนโดย โจเอล นอร์ดเวดท์   และผู้แปล ดร. ศิลป์ชัย เชาว์เจริญรัตน์   จากหนังสือ "คริสตชนบนวิถีไทย"  โดย ดร. ศิลป์ชัย เชาว์เจริญรัตน์ สำนักพิมพ์ ซีอีดี) 

ประเพณีการไหว้บรรพบุรุษของคนจีนเป็นอุปสรรคใหญ่ที่สุดอันหนึ่งในการประกาศพระกิตติคุณในไต้หวันมาโดยตลอด จากการศึกษาของผู้เขียนเกี่ยวกับคนจีนแคะได้ให้ความเชื่อมั่นมากขึ้นเรื่อยๆ ว่า คริสเตียนเราจำเป็นต้องมีการประเมินท่าทีทัศนคติและคำสอนเรื่องการไหว้บรรพบุรุษของคนจีนเสียใหม่ ผู้เขียนเขียนบทความนี้จากประสบการณ์และการติดต่อกับชาวจีนแคะด้วยตนเอง ความคิดที่ผู้เขียนจะนำเสนอต่อไปนี้ไม่ว่าจะถูกนำไปประยุกต์ใช้อย่างกว้างขวางเพียงใดก็ตาม ก็ควรได้รับการตัดสินจากท่านผู้อ่านด้วยประสบการณ์ที่กว้างขวางออกไป

สถานการณ์คริสเตียนในสหรัฐ : สงครามวัฒนธรรม

โดย ดร.ทวีวัฒน์ ปุณฑริกวิวัฒน์
อาจารย์ประจำภาควิชามนุษยศาสตร์
คณะสังคมศาสตร์และมนุษยศาสตร์ มหาวิทยาลัยมหิดล
***

สหรัฐอเมริกาปัจจุบันกำลังเผชิญกับสิ่งที่เรียกว่า "สงครามวัฒนธรรม" (Culture Wars) ซึ่งสะท้อนให้เห็นถึงโลกทัศน์ 2 แบบที่กำลังต่อสู้กันอยู่ ความขัดแย้งระหว่างโลกทัศน์ที่แตกต่างทั้งสองนี้ กำลังส่งผลกระทบอย่างใหญ่หลวงต่อสังคมอเมริกันทั้งมวล  ลองพิจารณาดูจากเรื่องต่อไปนี้

เรื่องที่หนึ่ง แพต โรเบิร์ตสัน (Pat Robertson) นักเทศน์ที่มีชื่อเสียงทางสื่อ ซึ่งเป็นชาวคริสต์อนุรักษนิยม(Conservative Christian) และเป็นผู้นำศาสนาฝ่ายขวาสังกัดพรรครีพับลิกัน ได้กล่าวโจมตีพวกเสรีนิยม(liberals) ซึ่งเชื่อในทฤษฎีวิวัฒนาการ(Evolution Theory) และการแยกรัฐกับศาสนา ว่าเป็นภัยคุกคามต่อสหรัฐอเมริกายิ่งกว่าผู้ก่อการร้ายในเหตุการณ์ 11 กันยายน สงครามเย็น(กับอดีตสหภาพโซเวียต) และสงครามกลางเมืองเสียอีก

เรื่องเล่าในพระคัมภีร์เบญจบรรณ มีความจริงทางประวัติศาสตร์เพียงไร ตามการตีความของคาทอลิก

(บทความนี้เขียนโดยนักวิชาการคาทอลิกเพื่ออธิบายวิธีการตีความหมายพระธรรม 5 เล่มแรกของพระคัมภีร์   ซึ่งก็จะเป็นการสะท้อนว่า  ในการตีความหมายของคาทอลิก  ถือว่าเรื่องเล่าในหนังสือปัญจบรรพ (หรือเบญจบรรณ)  มีความจริงทางประวัติศาสตร์มากน้อยเพียงไร?)  ....   

หนังสือเบญจบรรณ หรือปัญจบรรพ  หมายถึงหนังสือ 5 เล่มแรกของพระคัมภีร์ไบเบิล ซึ่งมักเชื่อกันว่าผู้เขียนคือท่านโมเสส    ก่อนจะตอบคำถามที่ว่า เรื่องเล่าในหนังสือปัญจบรรพ (หรือเบญจบรรณ) มีความจริงทางประวัติศาสตร์มากน้อยเพียงไร?   เราต้องมาทำความเข้าใจเรืองความเป็นมาของการเรียบเรียงหนังสือปัญจบรรพเสียก่อน จึงจะตีความหมายได้อย่างถูกต้อง

วันพฤหัสบดีที่ 4 ตุลาคม พ.ศ. 2555

เมื่อคาทอลิกขอชี้แจงโปรเตสแต๊นท์



(หมายเหตุ:  บทความนี้เดิมชื่อ "ศรัทธาพาหลง : โปรแตสแตนท์และคาทอลิก ความสัมพันธ์บนความเข้าใจผิดที่มิอาจแก้ไขได้?"   เขียนโดย  บาทหลวงไพบูลย์ อุดมเดช C.Ss.R.  -  ข้าพเจ้าได้มีการตัดทอนบางส่วนออกไปเพื่อให้กระชับขึ้น)   อ่านจบแล้วท่านผู้อ่านสามารถสะท้อนความคิดเห็นได้  
                                                       Dr.Sinchai
...................

ผมมีโอกาสได้อ่านบทความที่เป็น "การเปรียบเทียบระหว่างศาสนาโรมันคาทอลิกกับโปรแตสแตนท์" ที่เขียนโดยพี่น้องโปรเตสแต๊นท์    เมื่ออ่านจบแล้วก็รู้สึกว่าผมน่าจะเขียนอะไรชี้แจงบ้าง เนื่องจากว่าข้อมูลที่นำมาเปรียบเทียบระหว่างศาสนาพี่น้องคู่นี้มีความไม่สมบูรณ์และความเข้าใจผิดปะปนอยู่มาก

อ่านแล้วรู้สึกเหมือนว่าฝ่ายคาทอลิกเป็นผู้ร้ายและฝ่ายโปรแตสแตนท์เป็นพระเอก  

ผมเดาเอาว่าผู้จัดทำคงจะแปลเนื้อหามาจากแหล่งข้อมูลที่เขียนโดยพี่น้องโปรแตสแตนท์ที่ยังไม่เข้าใจคาทอลิกดีพอ เป็นต้นว่าในด้านข้อเท็จจริงทางประวัติศาสตร์และมุมมองจากความเป็นจริงของความเป็นมนุษย์ผู้อ่อนแอ

วันอาทิตย์ที่ 30 กันยายน พ.ศ. 2555

รู้จัก "ศาสนวิทยา" และ "ผู้เขียน"

ศาสนวิทยาคืออะไร? 

"ศาสนวิทยา" ซึ่งเป็นศาสตร์ที่ศึกษาปรากฎการณ์และแนวคิดทางศาสนาที่ครอบคลุมทุกด้านอย่างเป็นวิทยาศาสตร์  มีทั้งปรัชญาศาสนา  มนุษยวิทยาศาสนา   สังคมวิทยาศาสนา  จิตวิทยาศาสนา  เทวศาสตร์ และศาสนศาสตร์ 

คำว่า "ศาสนวิทยา" เคยมีนักวิชาการบัญญัติเป็นคำภาษาอังกฤษว่า  “Religiology”  ว่ากันว่าคนใช้คนแรกคือ Hideo Kishimoto โดยหมายถึง การศึกษาเรื่องของศาสนาอย่างเป็นวิทยาศาสตร์  (“science of religion” or “scientific study of religion,”)  ซึ่งใกล้เคียงกับความหมายของคำภาษาเยอรมันว่า "Religionswissenschaft"  ซึ่งนักวิชาการหลายคนชอบคำนี้มากกว่า "ศาสนศึกษา" หรือ  “Religious Studies.”  



Author: Hideo Kishimoto : Numen, Volume 14, Issue 1, pages 81 – 86, Publication Year :1967



มีผู้ถามมาว่า การจะเป็นนักศาสนวิทยาได้ ต้องรู้เรื่องศาสนาต่างๆมากๆใช่หรือไม่?

ขอตอบว่า ก็ใช่  แต่ไม่ใช่แค่รู้เรื่องศาสนา แต่ควรต้องรู้ถึงความรู้สึกและประสบการณ์ทางศาสนา รวมทั้งผลกระทบต่อเนื่องทั้งระดับส่วนบุคคลและสังคมด้วย

มีคำถามต่อว่า แล้วจะเป็นนักศาสนวิทยาที่ดีได้อย่างไร? ขอตอบว่า ต้องใฝ่รู้ทั้งเชิงกว้างและลึก และต้องมีใจเป็นกลางและเป็นธรรมต่อทุกศาสนาทุกความเชื่อ เข้าใจความคิดและความรู้สึก ทั้งแบบคนนอกและคนใน ทั้งแบบคนเห็นด้วยและแบบคนคัดค้าน ถ้าจะให้ดีมากต้องสามารถสวมความรู้สึกของหลายๆความเชื่อได้

และแน่นอนต้องรู้ที่มา พัฒนาการ สถานการณ์ ผลกระทบ จนถึงแนวโน้มอนาคตด้วย

ที่สำคัญมากที่ต้องไม่เข้าใจผิดคือ นักศาสนวิทยาไม่ใช่ศึกษาแต่เรื่องของการนับถือศาสนาเท่านั้น แต่ศึกษารวมถึงการไม่นับถือศาสนา การทิ้งศาสนา การเปลี่ยนศาสนา หรือการปรับศาสนา ฯลฯ เหล่านี้ในทุกรูปแบบทุกมิติด้วย

นอกจากนี้ ในอีกด้านหนึ่ง ศาสนวิทยาต้องเป็นนักปรัชญาสาขา "นักจริยศาสตร์" (ethicist) ไปในเวลาเดียวกันอย่างเลี่ยงไม่ได้ เพราะศาสนาเป็นศาสตร์ที่เกี่ยวข้องกับเรื่องจริยศาสตร์โดยตรง ซึ่งการเป็นนักจริยศาสตร์ทำให้ต้องพิจารณาเรื่องว่าอะไร "ถูกผิดดีชั่วควรไม่ควร" หรืออะไรถูกผิดดีชั่ว"มากกว่ากัน" ทั้งจากฐานคิดเชิงศาสนา ปรัชญา และอื่นๆ


มีคนถามมาหลายครั้งว่าต่างกันยังไงระหว่าง ศาสนศาสตร์ ศาสนศึกษา กับ ศาสนวิทยา?   ขอตอบคร่าวๆ อย่างนี้ และไม่จำเป็นที่ทุกคนต้องเห็นด้วย

ศาสนศาสตร์...เรียนหนึ่งศาสนา เพื่อรู้ ศรัทธา และประยุกต์ใช้
ศาสนศึกษา...เรียนหลายศาสนา เพื่อรู้ เปรียบเทียบ และประยุกต์ใช้
ศาสนวิทยา...เรียนทุกประเภทศาสนา รวมทั้งที่ต่อต้านศาสนา และทุกแง่ของศาสนา รวมทั้งประวัติศาสตร์พัฒนาการ  ปรากฎการณ์   เพื่อรู้ เปรียบเทียบ ประยุกต์ใช้ จนถึงวิเคราะห์ วิพากษ์ เและสังเคราะห์

ตัวผู้เขียนเองได้ศึกษาด้านศาสนวิทยามามาก เห็นประโยชน์ในเรื่องนี้ และมีภาระใจที่อยากจะให้ความรู้ด้านนี้แก่คนไทย ซึ่งในการนำเสนอก็กระทำอย่างเปิดเผยตัวเอง อย่างไม่ปิดบังอำพราง เพื่อแสดงถึงความเปิดเผย จริงใจ และพร้อมรับผิดชอบ


จุดยืนของข้าพเจ้าในการนำเสนอเรื่องศาสนวิทยาในประเทศไทย : 

1. นำเสนอวิชาการด้านศาสนวิทยา  ปรัชญาและจิตวิญญาณธรรม
2. ยึดความรู้และความจริง อันจะเป็นประโยชน์ต่อผู้คน
3. เป็นกลางทางศาสนา ไม่ได้ทั้งสนับสนุนหรือต่อต้าน ทั้งต่อศาสนาโดยรวมหรือต่อศาสนาใดๆ และยอมรับการเป็นอศาสนิก
4. เป็นกลางและเป็นธรรมสำหรับทุกแนวคิดทางศาสนา ไร้อคติ  ยึดตามความเที่ยงตรงทางหลักวิชาการ
5. ส่งเสริมการแยกรัฐจากศาสนา หรือการเป็นรัฐโลกวิสัย การเปิดเสรีทางศาสนา และการเท่าเทียมทางศาสนา
6. ส่งเสริมการมีสิทธิเสรีภาพทางศาสนาและเสรีภาพในการแสดงความคิดเห็น(เกี่ยวกับศาสนา) และไม่สนับสนุนการมีกฎหมายห้ามหมิ่นศาสนาและการห้ามการแสดงความคิดเห็นที่สร้างความเกลียดชัง(ทางศาสนา) และไม่ถือว่าการวิพากษ์วิจารณ์ศาสนาถือเป็นการ "หมิ่นศาสนา" เว้นแต่มีการขู่อาฆาต 
7. มุ่งนำเสนอความจริงและความเห็นอย่างตรงไปตรงมา แต่ใช้เหตุผล สุภาพ ไม่หยาบคาย และไม่ล้อเลียน

หากเมื่อใดที่ท่านผู้อ่านรู้สึกว่า ข้อเขียนชิ้นใดของผู้เขียนไม่ยุติธรรม หรือไม่ถูกต้องใคร่ขอเรียนท่านผู้อ่านว่า..

1. ก่อนอื่นเลยคือ ต้องขออภัยที่ทำให้ท่านระคายเคือง ผู้เขียนก็ไม่สบายใจเช่นกันที่ทำให้ท่านผู้อ่านรู้่สึกเช่นนั้น
2. โปรดทราบว่า ผู้เขียนตระหนักอย่างยิ่งว่า เรื่องของศาสนาเป็นเรืองที่อ่อนไหวอย่างที่สุด และก็เป็นไปไม่ได้เลยที่จะนำเสนอให้ทุกคนพอใจได้ แต่โปรดเชื่อว่า ผู้เขียนพยายามอย่างที่สุดแล้วที่จะพิจารณาอย่างถี่ถ้วนรอบด้าน เป็นกลางและเป็นธรรม
3. ท่านสามารถแสดงความเห็นได้ทั้งที่ช่องแสดงความคิดเห็น หรือทางข้อความส่วนตัว ผู้เขียนขอน้อมรับฟังทุกความคิดเห็น และจะพิจารณาไตร่ตรองด้วยใจเป็นธรรม ใจที่พร้อมจะเรียนรู้ และพร้อมจะแก้ไขเปลี่ยนแปลงแนวคิดหากพบว่าเป็นจริง
4. บางเรื่้องที่ผู้เขียนนำมาโพสท์เป็นเพียงนำมาให้ดูเป็นกรณีศึกษาเท่านั้น ไม่ได้แปลว่าผู้เขียนเห็นด้วยกับทุกเรื่อง
5. ท่านอาจมั่นใจขึ้นหากได้ติดตามมาตั้งแต่ต้น หรือติดตามมาเป็นเวลานาน ซึ่งหากท่านย้อนกลับไปอ่านบทความเดิมๆ ได้ก็จะช่วยได้มาก


ด้วยความขอบพระคุณยิ่ง

ศิลป์ชัย เชาว์เจริญรัตน์


*********
ประวัติสังเขปทางด้านศาสนวิทยา 


ดร.ศิลป์ชัย เชาว์เจริญรัตน์
Dr.Sinchai Chaojaroenrat 

การศึกษา  Education: 
  • Th.D. (Doctor of Religious Studies / Doctor of Theology ) Major in Theology ABGTS (Asian Baptist Theological Seminary)  ปริญญาเอก ศาสนวิทยา / ศาสนศาสตร์   วิชาเอก ศาสนศาสตร์   และ ศาสนวิทยา 
  • ปริญญาตรี รัฐศาสตร์  สาขาความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ (B.Sc. Bachelor of Polotical Science)   มหาวิทยาลัยสุโขทัยธรรมาธิราช 

การอบรมพิเศษ (Special Training) :
  • Leadership in Publishing Ministry  by Cook Communication  , Colorado Springs,  USA
  • Leadership in Christian Publishing Ministry by Lifeway International  , Nashville, USA
  • Special training in Philosophy, Buddhism, History, Religious Practice, Sociology and Anthropology,  Psychology, Counseling etc. (การศึกษาและฝึกอบรมเป็นพิเศษในด้าน ปรัชญา  ศาสนาเปรียบเทียบ  ประวัติศาสตร์  สังคมวิทยาและมนุษยวิทยา จิตวิทยา และการให้การปรึกษา ฯลฯ)  

งาน Job :
  • ประธานสถาบันอภิจิต SuperSoul
  • ประธานมูลนิธิพันธกิจชุมชน
  • Religiologist/ academics in Religiology, Theology, Philosophy, Anthropology, Political Science - นักวิชาการด้านศาสนวิทยา  ศาสนศาสตร์  ปรัชญา มนุษยวิทยา และรัฐศาสตร์ 
  • Director of CLI Publishing House - ผู้อำนวยการสถาบัน CLI และสำนักพิมพ์ CLI
  • Lecturer for universities, colleges and seminaries,   
  • Academician, author of nearly 50 books, lecturer, preacher , and advisor of some company. - นักวิชาการศาสนวิทยา ศาสนศาสตร์  นักปรัชญา  นักเขียน และวิทยากร ที่ปรึกษาบริษัทเอกชนบางแห่ง

ผลงานวิชาการ Academic books and essays: 
  • "ศาสนวิทยา กับศาสนายุคโพสท์โมเดิร์น"
  • "เสรีภาพทางศาสนา และรัฐโลกวิสัย"
  • "อภิจิต SuperSoul : กระบวนวิธีพัฒนาศักยภาพจิต"  
  • "ประวัติและพัฒนาการแห่งคริสตศาสนาและความสัมพันธ์กับอารยธรรมโลก"
  • ฯลฯ

และบทความอีกมากมาย  อ่านได้ทาง
facebook.com/dr.sinchai.chaojaroenrat
Blog : sinchaichao.blogspot.com

Some of those books ever wrote that are more than 50 books and a lot of articles. Looks the details in  

Email:  sinchaich@gmail.com 
Facebook Fanpage:  facebook.com/dr.sinchai.chaojaroenrat  ,

สนใจติดต่อสั่งซื้อหนังสือได้ที่