ต้องออกตัวก่อนว่า การที่ประเทศไทยจะเปิดหรือไม่เปิด(บ่อน)คาสิโนถูกกฎหมายนั้น ไม่ได้มีผลกระทบกับผู้เขียนเลยเพราะไม่เล่นและไม่นิยมในสิ่งเหล่านี้ (แต่เคยเข้าไปเยี่ยมชมในหลายประเทศ ทั้งประเทศเพื่อนบ้านและประเทศตะวันตก เคยลองดึงหรือกดเครื่องสลอต ตามที่เจ้าภาพเขาพาไปและให้วงเงินทดลองเล็กน้อย เพียงเพื่อให้เกิดความรู้ที่แท้จริงเท่านั้น)
แต่เนื่องจากมีการพูดถึงเรื่องการพนันและคาสิโนว่าไม่ควรเปิดเพราะเรื่องของศาสนา จึงต้องขอแสดงความเห็นในเชิงศาสนวิทยาไว้ ณ ที่นี้
๑.
เรื่องของการพนันกับศาสนา เราต้องตระหนักก่อนว่า ข้อกำหนดของศาสดาในศาสนาต่างๆ นั้นมีมาเป็นยุคโบราณนานมาแล้ว และยังเป็นเรื่องที่อยู่ในบริบทของท้องถิ่นเดียวด้วย ฉะนั้น หากศาสนาใดจะพูดถึงการพนัน ก็เป็นการพูดในบริบทที่เกิดขึ้นแต่โบราณนานมาแล้วและเป็นบริบทของท้องถิ่นเดียวด้วย การพนันในยุคสมัยนั้นและท้องถิ่นนั้นก็อาจแตกต่างจากการพนันของยุคสมัยปัจจุบันและท้องถิ่นอื่นๆ
การพนันในยุคโบราณ ไม่มีการควบคุมอายุและตัวทรัพย์ พนันเอาตัวเองเป็นทาสก็ยังได้ พนันเอาลูกเมียก็ยังได้ แต่ปัจจุบันนี้ยังเป็นอย่างนั้นอยู่หรือไม่(ในทางสาธารณะ) และยังควบคุมได้ไหม หรือโลกทุกปัจจุบันนี้ก็ยังคงเหมือนยุคโบราณทุกประการ ไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลง?
๒.
คำว่า "การพนัน" ไม่มีการถูกกล่าวถึงในศาสนาโบราณหลายศาสนา การที่บอกว่า "ทุกศาสนาห้ามเรื่องการพนัน" จึงไม่อาจพูดได้ว่าเป็นความจริง บางศาสนาในปัจจุบันที่บอกว่า การพนันเป็นเรื่องผิด แท้จริงแล้วเป็นการตีความและโยงหลักการศาสนาบางอย่างไปจับ
ศาสนาที่พูดถึงการพนันตรงที่สุดและกล่าวโทษการพนันรุนแรงที่สุด พูดได้ว่าคือศาสนาพุทธและศาสนาอิสลาม
ในศาสนาพุทธ มีการระบุว่า คนที่การเล่นพนันจะตกนรก "ขุมที่ ๖" ซึ่งชื่อในภาษาบาลีว่า "ตาปนนรก" อธิบายกันว่าเป็นสถานที่สำหรับพวกที่ชอบเล่นการพนันทุกชนิด
ซึ่งก็ต้องขอเพิ่มเติมว่า นรกขุมที่ ๕ มหาโรรุวนรก เป็นสถานที่สำหรับพวกที่ชอบดื่มสุรา หรือเสพสิ่งมึนเมา ยาเสพติด ส่วนนรกขุมที่ ๗ มหาตาปนนรก เป็นสถานที่สำหรับพวกที่ชอบเที่ยวกลางคืน
นั่นก็เท่ากับบอกว่า การตกนรกในเกณฑ์ของศาสนาพุทธ ไม่ใช่แค่ผิดศีลห้าเท่านั้น แต่เล่นการพนัน ดื่มสุรา สูบบุหรี่ หรือเที่ยวกลางคืน ก็ต้องตกนรกด้วย
๓.
ในศาสนาอิสลาม การพนัน และรายได้จากการพนัน ถือเป็นสิ่งต้องห้าม (หะรอม) เช่นเดียวกับดื่มสุรา มาจากซาตาน และทำให้ตกนรก (ซึ่งก็น่าแปลกว่า มาเลเซียซึ่งใช้กฎหมายอิสลามเข้มข้นในระดับหนึ่งกลับให้ตั้งสถานคาสิโนถูกกฎหมายได้ที่เกนติ้ง)
ในศาสนาคริสต์นั้น ไม่มีการระบุอย่างชัดเจนว่า การพนันเป็นบาป แต่มีผู้ที่พยายามโยงโดยการอ้างว่า มีศาสนบัญญัติที่บอกว่า "อย่าโลภ" ฉะนั้น ศาสนิกต้องอย่าเล่นการพนันเพราะการพนันเกิดมาจากความโลภ อะไรทำนองนี้เป็นต้น ซึ่งก็ต้องพิจารณาให้ดีว่าการตีความเช่นนี้มีน้ำหนักพอหรือไม่
(ถึงตรงนี้ขอพูดเรื่องการดื่มสุราแล้วตกนรกสักหน่อยว่า ถ้าเป็นจริง ก็น่าห่วงว่า ชาวตะวันตกที่ดื่มพั๊นช์จิบไวน์หรือดื่มเบียร์ซึ่งมีแอลกอฮอล์มาแต่โบราณกาลก็คงตกนรกกันหมดตลอดประวัติศาสตร์โลกเลยทีเดียว รวมทั้งพวกที่ไปชอบไปเที่ยวห้างหรือดูภาพยนต์หลังฟ้ามืดด้วยกระมัง)
ในบางศาสนานั้นไม่ได้บอกว่าการพนันเป็นบาป หรือเป็นสิ่งที่ทำให้ตกนรก เป็นเพียงการบอกว่าเป็นหนึ่งในสิ่งที่ทำให้ชีวิต "ไม่เจริญ" หรือทำให้ชีวิต "เสื่อม" การกล่าวอย่างนี้ไม่ได้หมายถึงเป็นความผิดบาปร้ายแรง หรือเป็นบาปหนัก หรือเป็นอนันตริยกรรม อันจะนำมาซึ่งโทษร้ายแรงในนรกแต่อย่างใด
๔.
การพนันในยุคโบราณกับยุคปัจจุบันมีพัฒนาการและการตีความหมายต่างกันไม่น้อย
โดยพื้นฐานแล้ว การพนัน ก็คือ "การละเล่นชนิดหนึ่ง" หรือ "เกมชนิดหนึ่ง" ที่มีลักษณะที่มีผลแพ้-ชนะ ที่ทำให้ผู้เล่นเกิดความตื่นเต้นเร้าใจจากการที่ได้เสี่ยงได้ลุ้น จากการแพ้-ชนะ ได้-เสีย ซึ่งในการพนันนี้อาจมีการใช้แต่โชคหรือใช้ฝีมือทักษะประกอบด้วยก็ได้ ซึ่งความตื่นเต้นนี้ก็ก่อให้เกิดความบันเทิง สนุกสนานเพลิดเพลินรื่นเริง
ซึ่งการละเล่นที่เรียกว่าเป็นเกมส์กีฬาหรือแม้แต่มหรสพชนิดไหนๆก็มุ่งทำให้ผู้คนตื่นเต้นทั้งนั้น มนุษย์ต้องการผ่อนคลายจากความเบื่อหน่ายและต้องการความตื่นเต้นสนุกสนาน และว่าไปมันก็คือความสุขชนิดหนึ่ง
และคนก็ยอมจ่ายราคาเพื่อให้ได้ความตื่นเต้นอันนำมาซึ่งความสุขอันนี้
ฉะนั้น ปัญหาของการพนัน จึงไม่ใช่ตัวการพนันเอง แต่ปัญหาอยู่ที่สองอย่างคือ หนึ่ง วิธีที่ใช้พนันนั้นถูกต้องชอบธรรมหรือไม่? เช่น ถ้าพนันด้วยการ "โยนเหรียญหัว-ก้อย" รับได้ แต่ถ้าพนันด้วยการ "รัสเซี่ยนรูเล็ตต์" หรือเอาปืนลูกโม่ใส่กระสุนนัดเดียวแล้วยิงหัวตัวเอง อย่างนี้รับไม่ได้
และสอง ความเสียหายใดๆที่อาจเกิดขึ้นแก่ผู้แพ้พนันนั้นอยู่ในระดับที่สังคมรับได้หรือไม่? เช่น ถ้าตู้เกมส์หยอดเหรียญเพื่อคีบตุ๊กตา ได้เสียทีละสิบบาท รับได้ แต่ถ้าได้เสียทีละเป็นร้อย(อาจ)รับไม่ได้
ซึ่งตรงนี้ก็มีปัญหาตามมาอีกว่า ทำไมให้เด็กเล่นได้-เสียทีละสิบบาท แล้วบอกว่ารับได้ แล้วสำหรับผู้ใหญ่ที่มีฐานะ การได้เสียทีละเป็นร้อย เป็นพัน หรือเป็นหมื่นของเขา คือเรื่องธรรมดา ทำไมจึงรับไม่ได้
๕.
คำนิยามเรื่อง "การพนัน" ยังมีปัญหาอีกหลายประการ เป็นประเด็นถกเถึยงต่อได้อีกมาก เช่น เล่นหุ้นแบบเก็งกำไรระยะสั้นถือว่าเป็นบาปแบบการพนันหรือไม่? การทำประกันชีวิตหรือประกันภัยเป็นการพนันด้วยหรือไม่? บางทฤษฎีบอกว่ามันก็คือการพนันชนิดหนึ่ง แต่บางทฤษฎีก็ว่า ไม่ใช่การพนัน เพราะมันได้ให้คุณค่าทางเศรษฐกิจในบางด้านและบางระดับ แต่การพนันไม่ได้ให้คุณค่าทางเศรษฐกิจกิจอย่างใดเลย
ซึ่งตรงนี้ก็จะมีการแย้งว่าไม่จริง เพราะการพนันก็คือ "ธุรกิจบันเทิง" ชนิดหนึ่งนั่นแหละ การพนันคือการละเล่นที่ให้ความสนุกสนานบันเทิงแก่ผู้คนได้เหมือนสวนสนุกและดูหนังฟังเพลงและร้านอาหารผับบาร์เธค ถ้าโรงหนังยังถูกควบคุมโดยมีการติดเรทได้ ร้านผับบาร์เธคยังควบคุมโดยห้ามคนต่ำกว่าสิบแปดเข้าได้ การพนันก็ควบคุมได้เช่นกัน
๖.
อย่างไรก็ตาม ผู้เขียนเชื่อว่า คาสิโนถูกกฎหมาย "ไม่มีทางเกิดได้" ในรัฐบาลนี้แน่นอน แต่กระนั้นก็เศร้าใจว่า มีคนไทยมากมายเดินทางไปเที่ยวในคาสิโนถูกกฎหมายของประเทศเหล่านั้นและเสียเงินให้แก่ประเทศเหล่านั้นเป็นจำนวนมหาศาลในแต่ละปี แม้แต่พวกข้าราชการ รวมถึงทหาร-ตำรวจ ที่มีกฎกระทรวงห้ามไม่ให้เข้าคาสิโนต่างประเทศเหล่านั้นแต่ความเป็นจริงก็คือไปกันทั้งนั้น และเข้าไปเป็นหมู่คณะด้วยซ้ำ
นอกจากนี้ยังแปลกใจยิ่งขึ้นว่า ประเทศไทยไม่สามารถมีคาสิโนถูกกฎหมายได้ทั้งที่ทราบดีว่า จะสามารถป้องกันไม่ให้รายได้ออกนอกประเทศได้มากกว่า และยังทำให้ควบคุมความเสียหายของผู้เล่นพนันได้มากกว่า ควบคุมอาชญากรรมได้ดีกว่า ควบคุมคอรัปชั่นได้ดีกว่า ควบคุมเจ้าของกิจการบ่อนคาสิโนได้ดีกว่า และรัฐยังได้รับประโยชน์ได้ดีกว่า
แน่นอนว่าคำพูดที่ว่า "เพราะเมืองไทยเป็นเมืองพุทธ" คงเป็นส่วนหนึ่งที่มีส่วนสำคัญ ทำให้ไทยกลายเป็นรัฐที่ "ปากว่าตาขยิบ" คือไม่ยอมให้มีคาสิโนถูกกฎหมาย แต่ให้มีบ่อนเถื่อนทั่วไปหมด ซึ่งรัฐก็รู้เต็มอกว่าของใครและใครได้ประโยชน์บ้าง เป็นรัฐที่ไม่ให้มีโสเภณีถูกกฎหมาย ซึ่งรัฐก็รู้เต็มอก ว่าของใครและใครได้ประโยชน์บ้าง ซึ่งประชาชนก็ตกเป็นเหยื่อและรัฐก็ทั้งเสียประโยชน์และยังควบคุมอะไรไม่ได้เลย
การเป็นรัฐที่เน้นนโยบายสร้างภาพหรือรักษาภาพ(พจน์) มากเกินไป ทำให้รัฐไม่ยอมรับความจริง และเมื่อไม่ยอมรับความจริงก็เท่ากับอยู่กับความลวง และการอยู่กับความลวง คือหนทางแห่งความพินาศ
แต่ว่าไปเแล้วเรื่องนี้โทษแต่รัฐไม่ได้ เนื่องจากคณะรัฐบาลที่เป็นนักการเมืองย่อมมองว่าเรื่องนี้เป็นเผือกร้อน หากใครอนุมัติให้ทำก็จะเสียคะแนนเสียง และเสียภาพลักษณ์ ถูกมองว่าเป็นคนชั่วคนบาปและเป็นคนทำลายศาสนา
ยิ่งกว่านั้น จงเชื่อเถิดว่า การที่ประเทศไทยทำคาสิโนถูกกฎหมายไม่ได้ ไม่ได้ทำให้ไทยมีภาพลักษณ์ดีที่จะถูกมองว่าเป็นรัฐที่ศีลธรรมสูงกว่าประเทศอื่น หรือคนไทยเคร่งศาสนามากกว่าชาติอื่น
แต่จะถูกมองว่า ที่เปิดไม่ได้เพราะคนไทยไม่เชื่อมั่นในรัฐตนเอง และไม่เชื่อมั่นในประชาชนคนไทยกันเอง ที่ว่าไม่เชื่อมั่นในตนเอง ก็คือเชื่อว่า รัฐของตนไม่มีประสิทธิภาพพอและดีพอที่จะควบคุมกิจการเหล่านี้ได้ และเชื่อว่าคนไทยควบคุมตัวเองเรื่องการพนันไม่ได้ อีกทั้งคนไทยไม่อยากเสียภาพลักษณ์ทางด้านการเป็นเมืองศาสนาด้วย
ศิลป์ชัย เชาว์เจริญรัตน์