กรณี "พระภาวนาพุทโธ" ขืนใจเด็กหญิง "พระภาวนาพุทโธ" ชื่อนี้เคยคุ้นหูชาวพุทธที่มีศรัทธาประสาทะอย่างแรงกล้าในด้าน การเจริญวิปัสสนากรรมฐาน เพราะพระรูปนี้เป็นศิษย์ในสาย พระอาจารย์มั่น ภูริทัตโต และ พระอาจารย์ฝั้น อาจาโร 2 พระเกจิอาจารย์ด้านวิปัสสนาชื่อดังของเมืองไทย เมื่อประกอบกับการเป็นพระนักธุดงค์ และได้พัฒนาวัดสามพราน จ.นครปฐม จนเป็นที่รู้จักเลื่องลือทำให้มีสาธุชนหลั่งไหลเข้าไปนมัสการพระภาวนาพุทโธ และนั่งวิปัสสนากรรมฐานที่วัดอย่างไม่ขาดสาย ทั้งยังมีการสร้างวัตถุมงคลให้เช่าบูชาอย่างต่อเนื่อง ที่เป็นที่รู้จักกันดี คือ สติ๊กเกอร์ที่มีรูปพระภาวนาพุทโธในท่านั่งสมาธิอยู่ใต้กลด และมีตัวหนังสือคำว่า "พุทโธ" รวมอยู่ด้วย แต่แล้วศรัทธาอันแรงกล้าก็เริ่มเสื่อมลงเมื่อปรากฏข่าวพระภาวนาพุทโธ หรือชื่อในนามฆราวาส คือ นายจำลอง คนซื่อ ข่มขืนเด็กชาวเขาที่พักอาศัยอยู่ในวัด! เหตุการณ์ช็อกความรู้สึกผู้แสวงบุญครั้งนั้นถูกเปิดโปงขึ้นราวต้นเดือน ส.ค. 2538 เมื่อพระรูปหนึ่งและ นายเกรียงศักดิ์ ภูมิรุ่งโรจน์ บุรุษพยาบาล ซึ่งเคยเป็นลูกศิษย์ของพระรูปนี้ นำจดหมายของเด็กหญิงชาวเขา 6 คน ที่อาศัยอยู่ในวัดสามพราน ตามโครงการเลี้ยงดูเด็กชาวเขาให้ได้เรียนหนังสือ 1 พระ 1 ฆราวาส ได้เข้าร้องเรียนต่อกรมการศาสนา กองปราบปราม และกองคุ้มครองสวัสดิภาพเด็ก กรมประชาสงเคราะห์ โดยระบุว่า พระภาวนาพุทโธเคยเรียกเด็กนักเรียนหญิงทั้ง 6 คนเข้าไปพบที่กุฏิในยามวิกาล และได้ล่วงละเมิดทางเพศอีกด้วย พลันที่ข่าวกระพือออกไป บรรดาสาวกใกล้ชิดต่างมีปฏิกิริยาต่อต้านอย่างรุนแรงต่อการเสนอข่าวในเชิงลบ เพราะเชื่อว่าเรื่องนี้น่าจะเป็นการใส่ร้ายป้ายสีกันมากกว่า อย่างไรก็ตาม หน่วยงานรัฐกลับไม่เร่งดำเนินการใดๆ เพราะเป็นเรื่องที่พาดพิงถึงพระ ที่คนให้ความศรัทธามาก ประกอบกับช่วงนั้นมีเรื่องฉาวของพระชื่อดังมาหลายรูปแล้ว อาทิ พระนิกร และพระยันตระ ทว่า ในที่สุดพระรูปนี้ก็หนีไม่พ้น "กฎแห่งกรรม" เมื่อ พล.ต.ต.คำนึง ธรรมเกษม ผู้บังคับการกองปราบปราม (ผบก.ป.) ในขณะนั้น ได้สั่งการให้ พ.ต.อ.นุกูล โสมทัต รอง ผบก.ป. (ยศและตำแหน่งในขณะนั้น) เป็นหัวหน้าชุดคลี่คลายคดี ระหว่างนั้นมีข่าวว่าคนใกล้ชิดของพระภาวนาพุทโธ ซึ่งเป็นมีข้าราชการชั้นผู้ใหญ่ได้วิ่งเต้นกับตำรวจหวังให้พระอาจารย์ของตนพ้นมลทิน แต่ไม่มีใครเล่นด้วย ส่วนพระภาวนาพุทโธยังเก็บตัวเงียบ ไม่ยอมออกมาเผชิญการพิสูจน์ความจริง ท่ามกลางข่าวลือว่าพระรูปนี้หนีไปกบดานที่ต่างประเทศ บ้างก็ว่ากำลังหลบอยู่ที่บ้านนายพลนอกราชการคนหนึ่ง หลังจากใช้เวลารวบรวมพยานหลักฐานอยู่นานตำรวจกองปราบและตำรวจภูธรจังหวัดนครปฐมกว่า 60 นายเข้าตรวจค้นวัด และพบหลักฐานสำคัญ คือ "เส้นผม" ของเด็กหญิงอยู่ในช่องแอร์บนกุฏิของพระภาวนาพุทโธ และผลการตรวจร่างกายเด็กก็ฟ้องว่ามีร่องรอยการถูกข่มขืนจริง! ในที่สุด พระภาวนาพุทโธก็ทนแรงกดดันไม่ไหว และติดต่อขอมอบตัวกับตำรวจกองปราบปรามอย่างเงียบๆ โดยมีสาวกติดตามไปไม่กี่คน ก่อนจะขอประกันตัวออกไปต่อสู้คดีในเวลาต่อมา โดยมีข้อแม้ว่าห้ามข่มขู่พยาน กระนั้นตำรวจกลับพบว่ามีการข่มขู่พยานฝ่ายผู้เสียหายซึ่งผิดเงื่อนไขที่ตกลงไว้ จึงสั่งถอนประกันและให้พระภาวนาพุทโธลาสิกขาเพื่อมาต่อสู้คดี ผลการสอบสวนพยานแวดล้อมพบข้อมูลซึ่งเชื่อมโยงกับหลักฐานที่ยึดได้ในกุฏิอดีตพระภาวนาพุทโธ และยังพบด้วยว่ามีแม่ชีถึง 6 คนมีเอี่ยวในการส่งเด็กมาปรนเปรออดีตพระชื่อดัง! หลังจากรอคอยอย่างยาวนาน ในที่สุดศาลได้พิจารณาคดีนี้เมื่อวันที่ 21 มิ.ย. ที่ผ่านมา โดยระบุว่าอดีตพระภาวนาพุทโธกระทำผิดฐานชำเราเด็กหญิง ซึ่งเป็นศิษย์ในความดูแล จำนวน 9 คน ตั้งแต่ปี 2531-2538 รวมจำคุกจำเลยทั้งสิ้น 160 ปี แต่กฎหมายกำหนดให้จำคุกได้สูงสุดเพียง 50 ปี แต่ก็เกินพอสำหรับชีวิตที่เหลือของอดีตพระนักวิปัสสนาชื่อดัง ที่มีอายุ 55 ปีแล้วในวันนี้
หัวหน้าทีมสืบเปิดใจ หนักใจก่อนไขคดีดัง พล.ต.ต.นุกูล เล่าถึงขั้นตอนการไขคดีว่า ชุดสืบสวนได้ประสานไปยังกรมการศาสนาและกรมประชาสงเคราะห์ หาข้อมูลเบื้องต้นก่อนจะส่งกำลังไป จ.เชียงใหม่ เพื่อตามตัวเด็ก ซึ่งการหาตัวเด็กผู้เสียหายเป็นไปด้วยความยากลำบาก เพราะกว่าจะกล่อมให้พ่อแม่เด็กยอมให้นำเด็กมาสอบปากคำได้ก็เล่นเอาเหนื่อย แรง โดยตอนนั้นตามตัวเด็กที่อยู่ อ.แม่แจ่ม จ.เชียงใหม่ ได้ 4 คน และได้เพิ่มอีก 2 คน ที่ จ.แม่ฮ่องสอน ซึ่งเด็กทั้งหมดมีอายุต่ำกว่า 15 ปี จากการสอบปากคำเด็กผู้เสีย หายทราบว่า จุดที่มีการข่มขืนหรือที่เรียกกันว่า "ห้องเชือด" อยู่ในกุฏิของพระภาวนาพุทโธ โดยพระรูปนี้จะใช้อุบายเรียกเด็กเข้ามาทำความสะอาด ก่อนจะให้นวดตามร่างกาย โดยบอกกับเด็กว่า "ถูกเนื้อต้องตัวได้ ไม่บาป" แต่ถ้าเด็กคนไหนไม่เชื่อ ก็จะอ้างเรื่องบุญคุณมาบังคับ เมื่อเด็กนวดตัวไปได้สักพักก็จะลวนลามและข่มขืนจนสำเร็จความใคร่ สำหรับเส้นทางที่เรียกเด็กเข้าไป จะใช้ประตูลับทางด้านหลัง โดยมีบันไดลิงพาดรอไว้ เบาะแสตรงจุดนี้ทำให้ตำรวจมั่นใจจึงนำกำลังเข้าค้นกุฏิของพระภาวนาพุทโธ พบเส้นผมของเด็กหญิงอยู่ในช่องแอร์ แต่ไม่พบประตูลับ เพราะถูกทำลายหลักฐานไปก่อนแล้ว โชคดีที่ยังมีร่องรอยบันไดลิงหลงเหลืออยู่บ้าง เมื่อประกอบหลักฐานเข้ากับผลตรวจร่างกายเด็กซึ่งพบร่องรอยการถูกข่มขืน และคำให้การของเด็ก รวมทั้งพยานแวดล้อมที่มีข้อมูลสอดคล้องต้องกัน จึงขออนุมัติขอหมายจับพระภาวนาพุทโธทันที ส่วนประเด็นข้อสงสัยว่าเหตุใดคดีจึงตัดสินได้ล่าช้านั้น พล.ต.ต.นุกูล ตอบว่า ทำคดีนี้ตั้งแต่ปี 2538 จนเกษียณอายุราชการไปในปี 2542 ระหว่างนั้นได้ไปเป็นพยานในศาลอยู่ตลอด สาเหตุหลักที่ทำให้คดีไปได้ช้า เพราะมีพยานจำนวนมาก และแต่ละคนก็อยู่ไกลมาก บางคนอยู่ จ.เชียงใหม่ บ้างก็อยู่ จ.แม่ฮ่องสอน ทำให้การเดินทางเข้าให้ปากคำยากลำบาก ไม่สามารถมาบ่อยๆ ได้ พล.ต.ต.นุกูล ยอมรับว่า หนักใจกับคดีนี้มาก เพราะอดีตพระภาวนาพุทโธเป็นพระที่มีชื่อเสียงทั่วประเทศ แต่เมื่อมองไปที่คู่กรณีซึ่งเป็นเพียงเด็กชาวเขาด้อยโอกาส จึงคิดเสมอว่าจะต้องคลี่คลายคดีให้เกิดความเป็นธรรมกับทุกฝ่ายมากที่สุด เพราะหากทำผิดพลาด ชื่อเสียงของตำรวจก็จะเสียหายไปด้วย มือปราบท่านนี้ยังให้ข้อคิดเตือนสติด้วยว่า "เราเป็นชาวพุทธ ขอให้เข้าใจว่าพระที่ดีมีเยอะ พระที่ออกนอกลู่นอกทางก็มี ฉะนั้น อยากให้นับถือพระที่ผ้าเหลือง และการประพฤติปฏิบัติเพื่อสืบทอดพระศาสนา แต่เหนือสิ่งอื่นใดขอให้เราทำตัวเราเองให้ดีที่สุดก็พอแล้ว" รายงานโดย นพดล ศรีทวีกาศ ที่มา คมชัดลึก http://www.komchadluek.net/column/scoop/2004/07/04.php ศาลอุทธรณ์พิพากษายืนจำคุกภาวนาพุทโธ50ปี
ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน จำคุกอดีคพระภาวนาพุทโธ ข่มขืนกระทำชำเราเด็กหญิงชาวเขา 9 คน ระบุ ผิดหลายข้อหา แต่กฎหมายกำหนดให้จำคุกไว้ได้ไม่เกิน 50 ปี จึงให้จำคุก 50 ปี ที่ห้องพิจารณาคดี 808 ศาลอาญา ถ.รัชดาภิเษกว่า วันที่16 พ.ย.ศาลอ่านคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ คดีที่พนักงานอัยการฝ่ายคดีอาญา 8 เป็นโจทก์ยื่นฟ้องนายจำลอง คนซื่อ หรือ อดีตพระภาวนาพุทโธ อายุ 56 ปี อดีตเจ้าอาวาสวัดสามพราน จ.นครปฐมกับพวกรวม 8 คน ประกอบด้วย น.ส.สมจิตร รักสีขาว อายุ 32 ปี น.ส.ช่อผา สกุลวนาการอายุ 31 ปี น.ส.อนงค์ วงศ์ใจประเสริฐ อายุ 37 ปี, น.ส.จินตนา ดารานโรดม อายุ 28 ปี ,น.ส.สุภาพ นาวรัตน์ อายุ 34 ปี, นางศรีเพ็ญ มีกลอนเพราะ อายุ 36 ปี และน.ส.ขนิษฐา มีกลอนเพราะ อายุ 31 ปี จำเลยที่ 1-8 ในความผิดฐานข่มขืนกระทำชำเราหญิงอายุไม่เกิน 13 ปี ซึ่งมิใช่ภรรยาตน เป็นผู้สนับสนุน เป็นธุระจัดหา และชักพาหญิงไปเพื่อสำเร็จความใคร่ เพื่อ การอนาจาร
ตามฟ้องโจทก์เมื่อวันที่ 28 พ.ย. 38 ระบุความผิดจำเลยสรุปว่าเมื่อระหว่างเดือน ส.ค.31- ม.ค.38 วันเวลาใดไม่ปรากฏชัด จำเลยที่ 1 ขณะบวชเป็นพระภิกษุและได้เป็นเจ้าอาวาสวัดสามพราน จ.นครปฐม มีนามฉายาว่า “พระมหาจำลอง กิตติ ปัญโญ” หรือ “พระภาวนาพุทโธ” เป็นประธานมูลนิธิหลวงพ่อพุทโธภาวนา รับอุปการะเลี้ยงดูเด็กชาวเขายากจนและอยู่ในถิ่นทุรกันดารจาก จ.แม่ฮ่องสอนและจ.เชียงใหม่ ส่วนจำเลยที่ 2-8 เป็นแม่ชีอยู่ในวัดสามพรานและเป็นลูกศิษย์ของจำเลยที่ 1 ได้ร่วมกันเป็นธุระจัดหา เด็กหญิงอายุไม่เกิน 13 ปี 15 ปี และหญิงอายุไม่เกิน 18 ปี รวม 9 คนซึ่งเป็นเด็กชาวเขาในอุปการะของจำเลยที่ 1 มาให้จำเลยที่ 1 กระทำอนาจารและข่มขืนตั้งแต่ปี 2531-2538 โดยจำเลยทั้งหมดให้การปฏิเสธ คดีนี้ศาลอาญาพิเคราะห์คำเบิกความและพยานหลักฐานแล้วเห็นว่าจำเลยทั้งหมด กระทำผิดจริง ข้อต่อสู้ของจำเลยฟังไม่ขึ้น จึงมีคำพิพากษาเมื่อวันที่ 21 มิ.ย.47 ให้จำคุกจำเลยที่ 1 รวมความผิดหลายข้อหารวม 160 ปี แต่ตามกฎหมายแล้วกำหนดให้จำคุกจำเลยไว้ได้ไม่เกิน 50 ปี จึงให้จำคุกจำเลยที่ 1 ไว้ 50 ปีจำเลยที่ 2 จำคุก 31 ปีจำเลยที่ 3 จำคุก 28 ปีจำเลยที่ 4 จำคุก 10 ปีจำเลยที่ 5 จำคุก 3 ปี จำเลยที่ 6 จำคุก 4 ปี จำเลยที่ 7 จำคุก 10 ปี ส่วนจำเลยที่ 8 ยกฟ้อง
ต่อมาจำเลยที่1-4 และ 6-7 ยื่นอุทธรณ์คดีขอให้ศาลยกฟ้อง ส่วนจำเลยที่ 5 กับ 8 ไม่ได้ยื่นอุทธรณ์ ศาลอุทธรณ์ตรวจสำนวนประชุมปรึกษาหารือแล้วเห็นว่า ฝ่ายโจทก์มีผู้เสียหายเป็นประจักษ์พยานยืนยันว่า จำเลยที่ 1 กระทำชำเราหลายครั้งหลายหน โดยมีจำเลยที่ 2-7 คอยให้ความช่วยเหลือ จับแขนจับขาเพื่อให้จำเลยที่ 1 กระทำชำเราจนสำเร็จความใคร่ โดยจำเลยที่ 1 ยังเป็นพระสงฆ์ที่มีประชาชนจำนวนมากนับถือเลื่อมใสศรัทธา และคอยอุปการะให้การศึกษาแก่ผู้เสียหายจึงไม่มีเหตุเบิกความปรักปรำใส่ร้าย จำเลยที่ 1 นอกจากนี้ผู้เสียหายก็ยังสามารถเขียนแผนผัง สภาพที่เกิดเหตุ ทางเข้าออกกุฏิของจำเลยที่ 1 ได้อย่างถูกต้อง หากผู้เสียหายไม่เคยเข้าไปในกุฏิของจำเลยที่ 1 ซึ่งเป็นเขตหวงห้าม ก็ไม่น่าจะเขียนแผนผังได้อย่างถูกต้อง ทั้งหลังเกิดเหตุจำเลยที่ 1 ก็เปลี่ยนแปลงสภาพห้องน้ำ ห้องส้วม ทางเข้าออกเพื่อไม่ให้อยู่ในสภาพเดิม ส่วนจำเลยที่ 2 -7 เป็นผู้สนับสนุน ล้วนมีวุฒิภาวะย่อมทราบดีว่าจำเลยที่ 1 พ้นจากความเป็นสงฆ์มานานแล้วแต่ก็ยังให้ความช่วยเหลือ เพราะต้องการรักษาผลประโยชน์และสถานภาพตัวเอง ศาลอุทธรณ์เห็นว่า พยานหลักฐานโจทก์มีน้ำหนักมั่นคง รับฟังได้โดยปราศจากข้อสงสัยว่า จำเลยที่ 1 แสร้งทำเป็นพระนักปฏิบัติเพื่อสร้างภาพว่าเป็นวัตรปฏิบัตหน้าเลื่อมใส โดยข้อเท็จจริงรับฟังได้ว่า จำเลยที่ 1 เป็นคนมักมากในกาม ถึงขั้นวิปริตทางเพศ ประพฤติชั่ว ไม่ใยดีที่จะรักษาหลักธรรมพุทธศาสนา แต่กลับใช้ความเป็นสมณเพส หลอกลวงประชาชนผู้ใจบุญ ตามที่อุทธรณ์โจทก์ที่ 1 อ้างว่า ถูกผู้ต่อต้านซึ่งนับถือศาสนาคริสต์ นับถือผีใส่ร้ายกลั่นแกล้ง และที่อุทธรณ์ว่าผู้เสียหายอายุยังน้อย อวัยวะเพศลีบเล็ก จำเลยที่ 1 ไม่สามารถสอดใส่เข้าไปได้ ซึ่งหนังเยื่อหุ้มปลายอวัยวะเพศยังสมบูรณ์ปกตินั้น เป็นเพียงข้อกล่าวอ้างลอยๆ ไม่มีน้ำหนักรับฟัง หักล้างพยานโจทก์ได้ ซึ่งคำให้การของผู้เสียหายสอดคล้องกับอุทธรณ์ของจำเลยที่ 2 ที่เปิดเผยข้อเท็จจริงต่อศาลว่า เคยร่วมหลับนอนกับจำเลยที่ 1 และยังพาผู้เสียหายให้จำเลยที่ 1 กระทำชาเราด้วย ซึ่งได้ปกปิดการกระทำของจำเลยที่ 1 มานานกว่า 10 ปี โดยไม่กล้าเปิดเผยความจริงเพราะเกรงกลัวอิทธิพล ประกอบสำนึกบุญคุณจำเลยที่ 1 ที่ส่งเสียให้เรียนจนจบปริญญาตรี จึงรับฟังพยานหลักฐานโจทก์ได้อย่าง ปราศจากข้อสงสัยว่าจะกระทำเพื่อกลั่นแกล้งจำเลยที่ 1 อุทธรณ์จำเลยที่1-4 , 6-7 ฟังไม่ขึ้น คดีจึงไม่มีเหตุที่ศาลอุทธรณ์จะเปลี่ยนแปลงแก้ไขคำพิพากษาของศาลชั้นต้น พิพากษายืน ผู้สื่อข่าวรายงานว่าในวันนี้ ได้มีพระภิษุกสงฆ์ ประมาณ 15 รูป แม่ชี และผู้ที่เลื่อมศรัทธา นายจำลอง คนซื่อ กว่า 300 คน ซึ่งส่วนใหญ่เป็นผู้สูงอายุเดินทางมาให้กำลังใจกันอย่างเนืองแน่น โดยระหว่างที่ศาลอ่านคำพิพากษา นานกว่า 2 ชั่วโมง บางคนได้พนมมือสวดภาวนา นั่งสมาธิ บางคนก็นั่งอุดหู แสดงท่าทีไม่อยากได้ยินการกระทำน่าบัดสีของ นายจำลอง บางคนก็ร่ำไห้เมื่อฟังคำพิพากษาเสร็จสิ้นแล้วซึ่งพระภิกษุสงฆ์และแม่ชีต่าง ร่วมกันทำพิธีกรวดน้ำให้กับจำเลยที่ 1 ที่บริเวณหน้าศาลอาญา ทั้งนี้ก่อนฟังคำพิพากษาจำเลยที่ 1 ซึ่งสวมชุดนักโทษถูกเบิกตัวมาจากเรือนจำบางขวาง ได้อวยพรให้ญาติโยมที่มาให้กำลังใจว่าให้ทำใจให้สบายถึงอย่างไรก็จะอยู่เป็นร่มโพธิ์ ร่มไทรให้ลูกให้หลานต่อไป บุกบางขวางเยี่ยมอดีตพระดัง ภาวนาพุทโธสั่งศิษย์หมั่นทำดี
หลังจากถูกศาลสั่งจำคุกตลอดชีวิต ที่เรือนจำกลางบางขวาง ทีมข่าว "คม ชัด ลึก" ได้เดินทางเข้าเยี่ยม นายจำลอง คนซื่อ หรืออดีตพระภาวนาพุทโธ โดยได้เข้าเยี่ยมปะปนกับบรรดาลูกศิษย์ประมาณ 30 คนที่ยังคงศรัทธาอดีตพระรายนี้อย่างไม่เสื่อมคลาย
เช้าวันนั้นอากาศแจ่มใส อดีตพระภาวนาพุทโธได้ออกมาพูดคุยกับลูกศิษย์ด้วยสีหน้ายิ้มแย้มผ่านกรงขัง อิสรภาพ ซึ่งมีระยะห่างประมาณเมตรกว่าๆ โดยได้กำชับผ่านพระลูกศิษย์รูปหนึ่งซึ่งเป็นตัวแทนญาติโยมว่า หากจะมาเยี่ยมก็ขอให้ลงชื่อให้เรียบร้อย อย่ามีปัญหากับเจ้าหน้าที่ เพราะทราบว่ามีญาติโยมบางรายตะคอกใส่เจ้าหน้าที่ระหว่างที่ขอเยี่ยม
นอกจากนี้ ยังบอกว่าตั้งแต่เข้ามาอยู่ในคุก มีหลายคนที่มีความลำบากมาก หากลูกศิษย์สนใจทำทาน ก็ขอให้บริจาคได้ในจำนวนเงิน 108 บาท และยังกำชับให้ลูกศิษย์อยู่ในศีลในธรรม อย่าทิ้งวัด ขอให้หมั่นสวดมนต์ไหว้พระ จากนั้นบทสนทนาส่วนใหญ่จะเป็นไปในทำนองเป็นห่วงสภาพความเป็นอยู่ของนายจำลอง ซึ่งอดีตพระผู้นี้ได้ตอบกลับไปว่า "สบายดี ไม่ต้องเป็นห่วง"
ก่อนจบการสนทนาอดีตพระภาวนาพุทโธ ทิ้งท้ายด้วยการให้ศีลให้พรกับบรรดาลูกศิษย์เสมือนที่ยังคงเป็นพระอยู่ ซึ่งลูกศิษย์ผู้มาเยี่ยมเยียนก็ได้กราบไหว้กันตามความเคยชิน โดยหลายคนถึงกับหลั่งน้ำตาออกมาด้วยความสงสารอดีตพระอาจารย์ของตน
ลูกศิษย์รายหนึ่งซึ่งทำงานอยู่ที่โรงทอในย่านบางซ่อน บอกว่า เดินทางมาเยี่ยมเป็นครั้งแรก เพราะรู้สึกสงสารที่ท่านต้องมาประสบวิบากกรรมเช่นนี้ ทั้งที่ท่านไม่ได้ทำความผิดอะไร แต่ท่านก็บอกว่าจะไม่ขอโต้ตอบอะไร เพราะถือว่า "หากมารไม่มี บารมีก็ไม่เกิด" ซึ่งท่านต้องเจอกับวิบากกรรมก่อนจึงจะบรรลุผล ตอนนี้เหมือนกับว่าท่านได้ไปโปรดสัตว์ที่เมืองนรก
"ตอนแรกยอมรับว่าช็อกเมื่อรู้ข่าว ก่อนที่ศาลจะตัดสินก็ได้นั่งสวดมนต์ไหว้พระและแผ่เมตตาให้ท่านพ้นมลทิน แต่พอผลออกมาแบบนี้ก็เสียใจมาก ลูกสาวเองก็ไม่เข้าใจว่าทำไมหลวงพ่อ ต้องโดนแบบนี้ ทั้งที่เป็นพระที่ปฏิบัติดีมาตลอด และไม่เชื่อว่าท่านจะเป็นคนทำ แต่น่าจะเป็น การกลั่นแกล้งมากกว่า อย่างไรก็ตาม ผมจะเลื่อมใสหลวงพ่อตลอดไป และจะนำคำสอนของท่านไปใช้ในชีวิตประจำวัน" ลูกศิษย์รายนี้ กล่าวตั้งปณิธานอย่างเชื่อมั่นในแรงศรัทธาของตนเอง
ที่มา : คมชัดลึก http://www.komchadluek.net/column/scoop/2004/07/04.php
|
สมนํ้าหน้าเวรกรรมมีจริง
ตอบลบเวรกรรมมึงสิ
ลบหรอ
ตอบลบคุณ สมน้ำหน้า นะ ตัวคุณดีแล้วหรอ
ตอบลบตอนที่เป็นเริ่องเราก้ออยู่ที่วัดจนถึงวันนี้เราก้อยังมาวัดอยู่ก่อนหน้านั้นยายเราไม่สบายจนถึงต้องจองวัดป้าเราก้อเลยมาบ่นไว้ที่วัดไม่นานยายเราก้อลืมตานั่นคือเหตการครั้งที่1
ตอบลบและวันนี้เราก้อมาบวชแก้บ่นให้น้องเพราะป่วยจนหมอบอกให้ทำใจแต่ตอนนี้น้องกลับบ้านได้แล้ว ถ้าไม่เจอกับตัวก้อคงไม่รู้หรอก
ยาย กู ตัง หาก ที่ บริ จาก ที่ดิน ให้ วัด นี้ ๆ
ตอบลบแล้ว มัน ก็ไม่มาดูยาย กู เลยๆ
อือๆ
ตอบลบกราบนมัสการ พระเดชพระคุณหลวงพ่อภาวนา พุธโธ เจ้าค่ะ ลูกขอนมัสการหลวงพ่อมาโปรดลูกศิษย์ อะ มะ ภะ หากคำอธิฐานของลูกไปถึงข่ายฌานของพระเดชพระคุณหลวงพ่อผู้ประเสริฐ ลูกจิตกระจ่าง
ตอบลบใครจะรู้บ้างใหม่ว่าปัจจุบันบารมีท่านไม่ได้ตกเลย
ตอบลบแต่กลับสูงขึ้นเรื่อยๆ เข้าถึงโพธิญาณ เกษาของท่าน
เป็นพระธาตุแล้ว
ผมไม่อยากจะบอกว่ากลุ่มคนที่คิดร้ายหรือใส่ร้าย
ท่านจะได้รับผลกรรมขนาดไหน...
ป้จจุบันท่านใช้กรรมเก่าอยู่
อย่างที่ท่านเคยบอก--มารไม่มีบารมีไม่เกิด---
8 ธันวาคม 2554
ถ้าท่านใช้สติและปัญญาคิดจะรู้ว่า
ตอบลบพระสายหลวงปู่มั่นทุกๆองค์เป็นอย่างไร
เห็นด้วย
ตอบลบเห็นด้วย
ตอบลบการทำดีไม่จำเป็นต้องมีคนเห็นเพียงแค่จิตใจของเรานั้นรู้ดีก็พอ บุคคลใดที่เคยมาหรือรู้จักหลวงพ่อดีก็มีแต่ความเจริญ เพราะข้าวเจ้านั้นก็รู้จักหลวงพ่อดีแม่ของข้าพเจ้าอยู่กับหลวงพ่อมาตั้งแต่ปี 2528แล้วตอนนี้แม่ข้าพเจ้าก็ยังปฎิติตามคำสั่งสอนของหลวงพ่อเสมอ และมีแต่สิ่งดีดีเข้ามาเสมอ ............... ส่วนท่านใดที่คิดอกุศลกับหลวงพ่ก็พอให้เจอกับสิ่งที่คิดยังนั้น ( พุทโธ พระอรหัน พุทมิตรตังอุปนัง โหติ ) สาธุ
ตอบลบยังศัทธาเหมือนเดิม
ตอบลบผมยังเก็บเหรียญของหลวงพ่อปี 2528 จนถึงวันนี้ก็ยังบูชาเหมือนเดิม
ตอบลบจาก บ้านเกิดของท่าน
พระดีก็มี พระไม่ดีก็มี บางที่ก็ดีแต่หน้าลับหลังเราไม่รู้ ถ้าไม่มีมูลคดีคงไม่เกิดหรอก
ตอบลบตำรวจที่ทำคดีนี้ ปัจจุบันเป็นยังไงบ้างหนอ
ตอบลบวันนี้ไปที่วัดสามพรานมา ได้นั่งใต้ต้นไม้เจริญสติสัก 15 นาที รู้สึกว่าคนที่สร้างนี้คงมีวาสนาบารมีเป็นแน่ ผมไม่รู็ว่าผิดถูกอย่างไร แต่รู้สึกนิยมพอใจในสถานที่นี้มากครับ
ตอบลบเราเชื่อในเหตุและผล ไม่เชื่อเพราะคิดว่าน่าเชื่อ
ตอบลบก่อนหน้านั้นพระท่านอาจจะเป็นคนที่ดีที่สุด ...แต่เมื่อเวลาผ่านไป สิ่งต่างๆผ่านเข่้ามา( หรือทีึ่เรียกว่ามาร)
ทำให้เกิดกิเลส ตัณหา ..... ยอมรับในกรรมที่เราได้กระทำเถิด แล้วเราจะอยู่ได้อย่างมีความสุข สาธุ.
ศรัทราทำให้เกิดทรัพย์และงมงาย คนที่บริสุทธิ์ต้องติดคุกก็มีแต่ส่วนใหญ่จะจน คดีนี้สู้ถึงสามศาล มีเงินและมีทนายความ ถ้าศาลลงโทษผิดควรนำผู้พิพากษาไปตัดหัวทิ้ง เสียภาษีประชาชนจ่ายให้ทำงานโงๆ ความรัก ชอบ มีผลประโยชน์ ก็ศรัทรากันไป จากคนอยู่ข้างคุก ได้คุยกับคุณชี หลายคน หลายครั้ง เห็นว่าธรรมะ เป็นเรื่องที่พระพุทธเจ้า ท่านกล่าวไว้แล้วว่ามันมีมาก่อนที่ท่านจะตรัสรู้ ทำไม่ไปติดยึดครู บาอาจารย์ แม้แต่ธรรมะ ยังต้องพิจารณาว่า มีการแต่งเติมปนเปื้อนหรือไม่ มีเหตุจึงมีผล ไม่มีความจริงใดที่พิสูจน์ไม่ได้ ถ้าไม่ใช่เรื่องเหนือธรรมชาติ
ตอบลบกราบนมัสการบูชาหลวงพ่อภาวนาพุทโธเป็นครูบาอาจารย์คนแรกของขาพเจ้าในทางธรรมได้มีโอกาสไปเดินธุดงด้วยเมื้อปี. พศ ๒๕๓๗ ธุดง. รุ่น ๓. เป็นบุญที่สุดที่ได้มีโอกาสไปปฏิบัติในครั้งนั้น. ถ้าคุณคุณได้มีโอกาสไปอย่างเราบ้างก็จะรู้ ปฏิบัติเองรู้เิองเห็นเอง. อธิบายไม้ได้. ขอบูชาคุณครูบาอาจารย์. ณ. โอกาสนี้ด้วยเทอญ. สาธุ. สาธุ. สาธุ. ป ล. ธุดง. ๓
ตอบลบขอน้อมกราบองค์หลวงพ่อภาวะนาพุทโพเจ้าข้า
ลบ9 มนต์ขลังของหลวงพ่อ พาพ้นทุกข์จริงๆ
หนูเป็นเยาวชนคนหนึ่ง ที่เดินตามรอยของป้า เพื่อมาสืบทอดวิชาจากหลวงพ่อ ได้สวดมนต์นับสายปะคำ ทุกวันเลยเจ้าข้า
ขอน้อมกราบองค์หลวงพ่อภาวะนาพุทโธเจ้าข้า
ตอบลบข้าพเจ้า เป็นหลานของแม่กาเหว่าเจ้าข้า ขอน้อมบุญเดินธุดงค์ในปีนี้ให้หลวงพ่อเจ้าข้า สาธุ สาธุ สาธุ