วันพฤหัสบดีที่ 25 มิถุนายน พ.ศ. 2558

กฎหมายกับศาสนา

รํฐไม่ได้มีหน้าที่พาประชาชนไปสวรรค์และพ้นนรก แต่รัฐมีความรับผิดชอบที่จะต้องทำใ้ห้สังคมเป็นสุขและสงบ ซึ่งก็ทำได้โดยการให้มีเสรีภาพและความเสมอภาค

หากรัฐคิดว่าต้องมีหน้าที่พาคนไปสวรรค์และพ้นนรก ก็ย่อมต้องเอาศีลทางศาสนามาทำเป็นกฎหมาย

และเมื่อทำอย่างนั้น คนมากมายก็จะขาดเสรีภาพและขาดความสุขทันที เพราะศีลคือข้อห้ามต่างๆที่หากทำแล้วจะเป็นบาป


และสิ่งที่ยังตามมาอีกคือ ความรู้สึกไม่เท่าเทียม เนื่องจากจะมีัปัญหาว่า จะเอาศีลของศาสนาใดมาทำเป็นกฎหมายล่ะ? หรือจะเอาสวรรค์ของศาสนาใดมาเป็นเป้าหมายล่ะ?


ลองยกตัวอย่างดูว่า หากจะทำให้ประเทศไทยเป็นรัฐศาสนาจริงๆ เอาศาสนาพุทธก็แล้วกัน

จะใช้ศีล 5 อันเป็นศีลขั้นต่ำสุดที่คนที่ถือตนว่าเป็นพุทธศาสนิกชนต้องถือปฏิบัติมาบัญญัติเป็นกฎหมายดูดีไหม?

กฎหมายก็ต้องระบุว่า ห้ามฆ่าสัตว์ ห้ามลักทรัพย์ ห้ามผิดประเวณี ห้ามพูดเท็จ และห้ามดื่มสุรา

คิดว่าผู้คนยังจะมีความสุขและสงบอยู่ไหม?

ยังมีปัญหาอีกว่า ทำได้จริงไหม? ตัวอย่างเช่น การฆ่าสัตว์ เรื่องนี้จะเป็นปัญหาทันที เพราะนี่เป็นศีลข้อที่ไม่มีการปฏิบัติจริง รู้กันดีอยู่ นี่เป็นศีลข้อที่ไม่มีใครปฏิบัติ เพราะถือว่าปฏิบัติไม่ได้

ในทางปฏิบัติ ถืออย่างมากได้แค่ศีล 4 เท่านั้น

ปัญหาก็ยังมีต่อว่าจะกำหนดบทลงโทษกันอย่างไรดี?

เรื่องลักทรัพย์นั้นก็คงไม่เป็นปัญหานัก เพราะเป็นปัญหาความขัดแย้งระหว่างบุคคลขั้นพื้นฐาน รัฐมักออกกฎหมายเพื่อแก้ไขอยู่แล้ว

แต่การฆ่าสัตว์ การผิดประเวณี การพูดมุสา และการดื่มสุรา เหล่านี้ จะมีบทลงโทษอย่างไรดี

จะจำหรือปรับ หรือจะเฆี่ยน หรือประหาร อย่างประเทศรัฐศาสนาหลายประเทศ?

นี่ยังไม่นับกฎหมายศาสนาประเภทที่ ห้ามออกจากศาสนา ห้ามไม่นับถือศาสนา ห้ามนับถือศาสนาอื่น ห้ามขาดการทำพิธีทางศาสนา ห้ามวิจารณ์หรือคัดค้านคัมภีร์หรือนักบวชในศาสนา ฯลฯ ไปจนถึงห้าม "หมิ่นศาสนา"

เป็นที่สงสัยกันมากว่า การที่รัฐออกกฎหมายศาสนาแบบนี้เป็นเพราะรัฐกลัวประชาชนของตนไม่ได้ไปสวรรค์ หรือเพราะลึกๆ กลัวว่าศาสนาที่ทำให้ตัวผู้ปกครองมีอำนาจเผด็จการเด็ดขาด จะอ่อนแอลงกันแน่?


ถ้าเช่นนั้น ศาสนาไม่ควรมีส่วนใดๆกับกฎหมายเลยหรือ?

ไม่ใช่เช่นนั้น เราสามารถนำหลักศาสนาที่ส่งเสริมความดีและความสงบสุขในสังคมมาใช้ได้อย่างแน่นอน แต่ต้องแยกแยะให้ได้ว่า ขนาดใดกำลังพอเหมาะที่ไม่ละเมิดสิทธิมนุษยชน และมีความเป็นธรรมในสังคมที่มีความเชื่อทางศาสนาและแนวความคิดที่หลากหลาย รวมทั้งการกำหนดที่เหมาะสม โดยต้องทำให้เหมาะสมกับวุฒิภาวะของสังคมด้วย


ย้ำอีกครั้ง! รํฐไม่ได้มีหน้าที่พาคนไปสวรรค์และพ้นนรก แต่รัฐมีความรับผิดชอบที่จะทำใ้ห้สังคมเป็นสุขและสงบ

หรือพูดอีกอย่างก็คือ รัฐ "ต้อง" ทำให้สังคมเป็นสุขและสงบ โดยการให้มีเสรีภาพและความเสมอภาค ส่วนใครจะตกนรกหรือหรือขึ้นสวรรค์...

อันนั้นเป็นความรับผิดชอบของคนๆนั้นเอง


ศิลป์ชัย  เชาว์เจริญรัตน์

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น