ชีวิตคู่พระศาสดา

พระศาสดาแต่ละท่าน มีชีวิตแต่งงานที่น่าสนใจมาก   ตามความเชื่อส่วนใหญ่ก็เชื่อกันว่า เจ้าชายสิทธัตถะทรงอภิเษกสมรสในวัย 16 ชันษา กับพระนางพิมพายโสธรา ซึ่งอยู่ในวัยเดียวกัน (1)   

ทางมุสลิมมีความเชื่อว่า  พระนางมารี(มัรยัม)พระมารดาของพระเยซู ก็หมั้นและแต่งงานในวัยราว 12-14 ปี กับโยเซฟ (ยูซุฟ ช่างไม้ผู้เป็นพระสวามี ซึ่งมีอายุราว 90 ปี (2)

ส่วนนบีมูฮัมหมัด มีภรรยามากกว่า 10 คน 

 คนแรกชื่อ ท่านหญิง คอดีญะฮ์ บินติ คุวัยลิด (ภรรยาคนที่ 1 แต่งงานตอนนบีอายุ 25 ปี ส่วนนางอายุ 40 ปี)    คนที่ 2 ท่านหญิง เซาดะฮ์ บินติ ซัมอะฮ์   

คนที่ 3 ท่านหญิง อาอิชะฮ์ บินติ อบีบักร อัศศิกดิ๊ก(อายุ 9 ปี)    4. ท่านหญิง หัฟเศาะฮ์ บินติ อุมัร อัลค็อฏฏอบ 5. ท่านหญิง ซัยนับ บินติ คุซัยมะฮ์ 6. ท่านหญิง ฮินดฺ บินติ อบีอุมัยยะฮ์ อัลมัคซูมียะฮ์  

7. ท่านหญิงซัยนับ บินติ ญะหช์ 8.ญุวัยริยะฮ์ บินติ อัลหาริษ 9.เศาะฟียะฮ์ บินติ หุยัยฺ 10.อุมมุหะบีบะฮ์ รอมละฮ์ บินติ อบีซุฟยาน  11. ท่านหญิง มัยมูนะฮฺ บินติ อัลหาริษ  12. ท่านหญิง มาริยะฮ์ อัลกุบฏิยะฮ์


มีการอธิบายว่า การที่ท่านนบีมุฮัมหมัด มีภรรยาหลายคนนั้น เป็นไปตามคำบัญชาของอัลเลาะฮ์ มิได้เกิดจากความมักมากทางกามารมณ์ หรือมีตัณหาราคะรุนแรงแต่อย่างใด ทั้งนี้ด้วยเหตุสองประการคือ หนึ่ง ภาวะการมีภรรยาหลายคนของท่านนบีปรากฏขึ้น หลังจากที่ท่านบรรลุวัยชราแล้ว คือ ท่านอายุเข้าวัย 50 ปี สอง บรรดาภรรยาทั้งหมดของท่าน เป็นหญิงหม้าย มีอายุล่วงเข้าสู่วัยชราเช่นเดียวกัน ท่านมีภรรยาที่เป็นสาวโสดเพียงท่านเดียว คือ ท่านหญิง อาอิชะฮ์ (วัย 9 ปี) ดังนั้นการที่มีผูใส่ใคล้ว่า ท่านนบีแต่งงานเนื่องจากมีตัณหาราคะสูง หรือต้องการสนุกสนานในทางเพศจึงไม่เป็นจริงแต่อย่างใด

ภรรยาของท่านนบีได้แก่ นางคอดีะฮ์ บินตุวัยลิด เป็นภรรยาคนแรกของท่านนบี เป็นหญิงม่ายก่อนหน้าที่นางจะแต่งงานกับท่านนบี นางได้แต่งงานกับ ซะอด์ นางคอดีญะฮ์ มีบุตรกับ ซุอด์ 1 คน ต่อมาได้ถึงแก่กรรม…..ขณะแต่งงานท่านนบีอายุ 25 ปี นางคอดีญะฮ์ อายุ 40 ปี ท่านนบีอยู่กินกับนางเป็นเวลา 25 ปี ระหว่างที่นางมีชีวิตอยู่ ท่านนบีมิได้แต่งงานใหม่กับหญิงใดเลย จนกระทั่งนางถึงแก่กรรมขณะอายุได้ 65 ปี ท่านนบีอายุ 50 ปี

ส่วนท่านหญิง อาอิชะฮ์ (วัย 9 ปี) นางเป็นภรรยาที่เป็นสาวโสดคนเดียวของท่านนบี (หลังจากที่นางคอดีญะฮ์จากไป)

ส่วนนางรอมละฮ์ บินตะ อบีซุฟยาน ……ก่อนหน้านั้นนางแต่งงานกับอับดุลเลาะฮ์ อิบนิญะฮซ์ ทั้งสองได้อพยพไปเอธิโอเปีย และอับดุลเลาะฮ์ ได้เข้ารีตเป็นคริสเตียน และได้ถึงแก่กรรมลง ส่วนนางปฏิเสธที่จะนับถือศาสนาคริสต์ และยืนยันในการนับถืออิสลาม ท่านนบีจึงได้แต่งงานกับนาง

นางมารียะฮ์ อัลกิบฏียะฮ์ ซึ่ง มุเกากิส กษัตริย์อียิป์ ได้มอบให้เป็นของขวัญ

ว่าไปแล้วบรรดาศาสดาเหล่านี้ซึ่งอยู่ในยุคโบราณที่อยู่ในวัฒนธรรม Child marriage หรือแต่งงานกับสตรีอายุน้อยกันทั้งนั้น หากเอามาตรฐานของคนนยุคปัจจุบันไปวัดก็คงถูกข้อหาพรากผู้เยาว์กันหมด (แต่ก็อาจไม่โดนเพราะพ่อแม่ให้การยินยอม)

แต่บางทีการที่คนยุคปัจจุบันจะเอามาตรฐานของตนเองไปวัดคนยุคก่อนก็เป็นเรื่องไม่ยุติธรรมเท่าใดนัก   การที่คนในยุคนั้นการแต่งงานกับผู้หญิงอายุน้อย  ก็เนื่องจาก หนึ่ง เขาถือว่าความพร้อมของสตรีวัดที่ความพร้อมทางร่างกาย ซึ่งธรรมชาติก็สร้างระบบประจำเดือนไว้เป็นตัวบ่งชี้เบื้องต้น   มีประจำเดือนได้ก็เท่ากับตั้งครรภ์มีบุตรได้  ก็แสดงว่าพร้อมแต่งงานได้  

 สอง   คนในยุคนั้นไม่ได้มีระบบการศึกษาและค่านิยม เหมือนปัจจุบัน ที่คิดว่าต้องจบการศึกษาภาคบังคับก่อน  หรือจบปริญญาตรีก่อน  หรือมีงานทำเลี้ยงตัวได้ก่อน    พวกเขาเรียนและทำงานกันในครอบครัวมาตั้งแต่เด็ก   ไม่ได้ไปโรงเรียนที่ไหน   โดยอยู่ในการเลี้ยงดูและอบรมสั่งสอนของพ่อแม่มาตลอดชีวิต   รอเพียงวันที่จะมีผู้ชายที่เหมาะสมมาสู่ขอ

นอกจากนี้ยังมีกรณีที่ถกเถียงกันมาก เกี่ยวกับเรื่องการเป็นโสดของพระเยซู ซึ่งตามความเชื่อของชาวคริสต์กระแสหลักย่อมถือว่าพระองค์ไม่เคยสมรส   ในขณะที่มีบางคนเสนอทฤษฎีและข้อมูลที่ไม่ชัดเจนบางชิ้นที่บอกว่าทรงสมรสกับนางมารี ชาวมักดาลีน  แถมมีลูกด้วย   ซึ่งแนวคิดนี้ก็ไม่ได้รับการยอมรับจากชาวคริสต์กระแสหลัก  แต่คนที่เชื่อเขาก็เชื่อไป

ปัญหาอีกกรณีคือ ตามความเชื่อที่มักเชื่อกันว่าเจ้าชายสิทธัตถะทรงสมรสและมีพระชายาเพียงองค์เดียว คือพระนางพิมพา (หรือยโสธราพิมพา)   แต่มีตำราโบราณในฝรั่งเศสบอกว่า ที่จริงพระองค์สมรสกับสตรี 3 พระนาง นอกจากพระนางพิมพาแล้ว พระองค์ยังได้นางโกปิกา (Gopika) แห่งศากยวงศ์ และได้นางมฤคยา(Mrgaja) เป็นชายาองค์ที่สาม   ซึ่งก็แน่นอนว่า แนวคิดนี้ก็ไม่ได้รับการยอมรับจากชาวพุทธกระแสหลัก  แต่คนที่เชื่อเขาก็เชื่อ    และนี่ยังไม่นับบรรดาเหล่านางสนมอีกมากมาย  ว่ากันว่ามีถึง 40,000 นาง (เชื่อหรือไม่?) พร้อมกับปราสาทสามฤดู หรือสามแห่ง...จนเบื่อ



ศิลป์ชัย เชาว์เจริญรัตน์

--------------
(1) แก้ไข 18 กพ.60
(2) แก้ไข 18 กพ.60