วันพฤหัสบดีที่ 27 พฤศจิกายน พ.ศ. 2551

พระเยซูคริสต์ในทัศนะของอิสลาม

"...ท่านนบีอีซา (พระเยซู) (อ.ล.)นั้น ถือเป็นหนึ่งใน 25 ศาสนทูตแห่งพระผู้เป็นเจ้า และเป็น 1 ใน 5 บุคคลที่พระผู้เป็นเจ้ายกย่องเกียรติในฐานะ "อูลุ้ลอัสมิ" หรือ"ผู้มีความตั้งใจอันเด็ดเดี่ยว" ตามหลักศรัทธานั้น มุสลิมทุกคนจำต้องศรัทธาต่อบรรดาศาสนทูตทุกท่านอย่างเท่าเทียมกัน...ซึ่ง นั่นหมายถึงการ ศรัทธาต่อท่านนบีอีซา เฉกเช่นเดียวกับ ท่านนบีมูฮัมมัด (ศ.ล.)...หากแต่ว่าแนวทางการดำรงชีวิตและหลักปฏิบัตินั้น ต้องดำเนินตามท่านนบีมูฮัมมัด (ศ.ล.)ในฐานะนบีคนสุดท้าย และเป็นตราประทับแห่งบรรดานบีทั้งมวล

....ตามหลักฐานจากกุรอานนั้น กล่าวไว้ว่า พระนางมัรยัม (พระนางมารีย์)นั้น...ตั้งครรภ์ด้วยอำนาจแห่งพระผู้เป็นเจ้า โดยมีท่านญิบรีล (กาเบรียล)เป็นผู้รับสนองพระบัญชา โดยนำพระวิญญาณมาปฏิสนธิในครรภ์ของพระนางมารีย์ ด้วยวิธีที่เหนือธรรมชาติ ทำให้พระนางสามารถตั้งครรภ์ได้โดยไม่ต้องมีสัมพันธ์กับชายใด และไม่มีอาการเจ็บครรภ์หรือทรมานเฉกเช่นมนุษย์ทั่วไป

....ท่านนบีอี ซา (อ.ล.) ประสูติเมื่อใด กุรอานไม่ได้ระบุวันที่ไว้...แต่จากการคำนวณโดยนักวิชาการมุสลิมที่อาศัย หลักฐานบางประการ(จากกุรอาน) นั่นคือ พระนางคลอดใต้ต้นอินทผาลัม และเมื่อพระนางคลอดนั้น พระนางได้ใช้ผลอินทผาลัมกินเพื่อประทังความหิว จึงคาดคะเนว่า ท่านนบีน่าจะประสูติในเดือนสิงหาคม - กันยายน (ซึ่งเป็นฤดูที่อินทผาลัมสุกงอม) และจากหลักฐานที่ว่า "ปราชญ์ 3 คนเดินทางมาจากทางทิศตะวันออก โดยตามดวงดาวจรัสแสงมายังแคว้นยูดาย" (มัทธิว 2.1-12) ซึ่งสอดคล้องกับบันทึกโบราณ และปทานุกรมเวนเฮียนตุงของ หม่าตวนหลิน (ปราชญ์ชาวจีน) ที่ระบุว่า มีดาวหางปรากฏในวันที่ 25 สิงหาคม ก่อนคริสตศักราชประมาณ 12 ปี(เมื่อเทียบตามปฏิทินจีน) โดยกล่าวว่า มันปรากฏให้เห็นถึง 63 วัน ...และจากข้อสันนิษฐาน ของการคำนวณทางดาราศาสตร์อิสลามระบุว่า ดาวหางนั้น คือดาวหางฮัลเลย์ นั่นเอง จึงอาจกล่าวได้ว่า ท่านนบีน่าจะถือกำเนิดในวันที่ 25 สิงหาคม (ตามความเชื่อของมุสลิม)

ชีวิตและภารกิจของท่านนบีอีซา (อ.ล.)นั้นดำเนินไปตามที่ไบเบิ้ลได้กล่าวไว้ (ซึ่งไม่ขอกล่าวซ้ำอีก) จะมีแต่เพียงการกระทำบางประการที่ไบเบิ้ลไม่ได้กล่าวไว้ คือ เรื่องที่ท่านนบีอีซา (อ.ล.)พูดได้ตั้งแต่เด็ก เพื่อปกป้องพระนางมัรยัม จากการถูกใส่ร้ายว่าผิดประเวณี ดังที่กุรอานกล่าวว่า
"แล้วนางได้พาเขามา ยังหมู่ญาติของนางโดยอุ้มเขามาพวกเขากล่าวว่า “โอ้ มัรยัมเอ๋ย ! แท้จริงเธอได้นำเรื่องประหลาดมาแล้ว....โอ้ น้องหญิงของฮารูน พ่อของเธอมิได้เป็นชายชั่ว และแม่ของเธอก็มิได้เป็นหญิงไม่บริสุทธิ์" นางชี้ไปทางเขา (ท่านนบีอีซา (อ.ล.)) ... พวกเขากล่าวว่า “เราจะพูดกับผู้ที่อยู่ในเปลที่เป็นเด็กได้อย่างไร?”... เขา (อีซา) กล่าวว่า “แท้จริงฉันเป็นบ่าวของอัลลอฮ์ พระองค์ทรงประทานคัมภีร์แก่ฉันและทรงให้ฉันเป็นนบี...และพระองค์ทรงให้ฉัน ได้รับความจำเริญ ไม่ว่าฉันจะอยู่ ณ ที่ใด และทรงสั่งเสียให้ฉันทำการนมัสการและบริจาคทานตราบที่ฉันมีชีวิตอยู่....และ ทรงให้ฉันทำดีต่อมารดาของฉันและจะไม่ทรงทำให้ฉันเป็นผู้หยิ่งยะโส ผู้เลวทรามต่ำช้า....และความศานติจงมีแด่ฉัน วันที่ฉันถูกคลอด และวันที่ฉันตาย และวันที่ฉันถูกฟื้นขึ้นให้มีชีวิตใหม่” (กุรอาน 19:27-33)
และ อีกเรื่องคือ การที่ท่านนบีอีซา (อ.ล.) แสดงสัญญาณมหัศจรรย์ให้ปรากฏเพื่อยืนยันว่าพระองค์ถูกส่งมาจากพระผู้เป็น เจ้าจริง ๆ นั่นคือ การเสกนกที่ปั้นจากก้อนดินให้กลายเป็นนกที่มีชีวิตจริง ๆ ดังที่กุรอานกล่าวไว้ว่า

"...แท้จริงนั้นได้นำสัญญาณหนึ่งจากพระ เจ้าของพวกท่านมายังพวกท่านแล้ว โดยที่ฉันจะจำลองขึ้นจากดินให้แก่พวกท่าน ดั่งรูปนก แล้วฉันจะเป่าเข้าไปในมัน แล้วมันก็จะกลายเป็นนก ด้วยอนุมัติของอัลลอฮ์ และฉันจะรักษาคนตาบอดแต่กำเนิด และคนเป็นโรคเรื้อน และฉันจะให้ผุ้ที่ตายแล้วมีชีวิตขึ้น ด้วยอนุมัติของอัลลอฮ์ และฉันจะบอกพวกท่านถึงสิ่งที่พวกท่านจะบริโภคกันและสิ่งที่พวกท่านสะสมไว้ใน บ้านของพวกท่าน แท้จริงในนั้น( มีสัญญาณหนึ่งสำหรับพวกท่าน หากพวกท่านเป็นผู้ศรัทธา" (กุรอาน 3:49)

...อิสลามได้ยกย่องท่านนบี อีซา (อ.ล.) ไว้หลายประการ ได้แก่การยืนยันถึงความบริสุทธิ์ของพระนางมัรยัม... ซูเราะห์(บท)ที่ 19 แห่งกุรอาน ใช้ชื่อว่า มัรยัม เพื่อเป็นการให้เกียรติพระนาง ชื่อของท่านนบีอีซา (อ.ล.)ถูกกล่าวไว้ในกุรอานอย่างน้อย 25 ครั้ง นอกจากนี้ยังมีหะดิษรายงานว่า "ไม่มีลูกหลานของอาดัมคนใด ที่เกิดมาโดยไม่ถูกซัยตอน (ซาตาน) ทำร้าย...เว้นเสียแต่มัรยัมและลูกของนาง(คือท่านนบีอีซา (อ.ล.)) (รายงานโดยมุสลิม และบุคอรีย์)
และสิ่งสำคัญเกี่ยวกับท่านนบีอีซา (อ.ล.)ที่มุสลิมต่างเฝ้ารอ ก็คือการปรากฏตัวอีกครั้ง ของท่านนบีอีซา (อ.ล.) ก่อนวันสิ้นโลก

ท่าน นบีมูฮัมมัด(ศ.ล.)กล่าวว่า "ที่มัสยิดแห่งหนึ่ง ในมะนะรัก (หอคอยอะซาน) ซึ่งอยู่ทางเหนือหรือทางด้านตะวันตก ขณะที่อิมามมะฮฺดีและบรรดาผู้ศรัทธากำลังจะละหมาดซุบฮฺ นบีอีซาจะลง (ที่เสาอะซานนั้น) มาจากฟ้า (บันทึกโดยบุคอรีย์)
...ท่านจะลงมาเพื่อกำจัดความชั่วช้าต่าง ๆ ในโลกนี้...และรวมชาวคัมภีร์ (ยิว , คริสต์และมุสลิม) ให้เป็นหนึ่งเดียวกันทั้งหมด...

ขอพระผู้เป็นเจ้าประทานความจำเริญแด่ท่านนบีอีซา และผู้ศรัทธาทุกท่าน

ด้วยจิตคารวะ
kheedes

ขอขอบคุณบทความจาก http://www.annisaa.com/forum/index.php?PHPSESSID=9f10f634e38f70a7d9c45b8ed2bf6311&topic=546.msg2687#msg2687

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น