วันอาทิตย์ที่ 23 พฤศจิกายน พ.ศ. 2551

กรณีศึกษาเรื่อง ท่าทีของคริสตชนต่อการถูกกล่าวหาจากผู้เขียน The Da Vinci Code

วาติกันเรียกร้องคริสตศาสนิกชนคว่ำบาตร Da Vinci Code

ทางสำนักวาติกันเรียกร้องให้มีการคว่ำบาตร The Da Vinci Code เพราะมีเนื้อหาที่ให้ร้ายและต่อต้านคริสตจักร และยังยุแยงให้ชาวคริสต์ทั่วโลกเอาใจออกห่างอันอาจก่อให้เกิดความหายนะต่อศาสนาคริสต์ได้ ขณะที่คริสศาสนิกชนฝ่ายแองกลิกันในซิดนีย์เปิดแคมเปญให้ออกมาค้นหาความจริง เพื่อกันหนังนำความเชื่อผิดๆ มาสู่คนดู

มองซีเญอแองเจโล อามาโต ผู้ทรงอำนาจลำดับที่สองในสำนักวาติกันรองจากพระสันตะปาปาเบเนดิกต์ที่ 16 ได้กล่าวระหว่างการปราศรัยในการประชุมกลุ่มคาทอลิกที่มหาวิทยาลัย ซานตาโครเซ ในกรุงโรม กระตุ้นให้ชาวคาทอลิกจากทุกแห่งทั่วโลกร่วมกันคว่ำบาตรหนังรหัสลับดาวินชี เพราะมีเนื้อหาที่ต่อต้านและระรานศรัทธาของเหล่าคริสตศาสนิกชน


โดยพระคุณเจ้ากล่าวว่า วรรณกรรมของ แดน บราวน์ นั้นเป็นงานที่ "ต่อต้านคริสเตียนอย่างแข็งกร้าว เต็มไปด้วยการใส่ร้ายให้เสื่อมเสีย ก้าวร้าวทั้งในแง่ต่อประวัติศาสตร์และต่อศาสนศาสตร์ อันทำให้เกิดการเข้าใจผิดต่อพระเยซูคริสต์ คำสั่งสอน และศาสนจักร"

"เราหวังว่าท่านทั้งหลายจะร่วมกันคว่ำบาตรภาพยนตร์เรื่องนี้" พระคุณเจ้าแองเจโลกล่าว พร้อมบอกว่า สาวกผู้รับใช้พระเจ้าทั้งหลายควรเต็มใจที่จะ "ปฏิเสธต่อคำโกหก และคำใส่ร้ายป้ายสีอันไร้น้ำหนักนี้" และยังกล่าวถึงความสำเร็จอย่างมโหฬารของหนังสือรหัสลับดาวินชีที่ขายไปกว่า 40 ล้านเล่มทั่วโลกแล้วว่า เป็น "การไร้ซึ่งวัฒนธรรมอย่างสุดขั้วอันปรากฎอยู่ท่ามกลางคลื่นสาวกผู้เลื่อมใส ในคริสตศาสนา"

ทั้งนี้ตั้งแต่หนังสือเล่มดังกล่าววางขายก็สร้างความไม่พอใจให้กับคริสตจักร และเกิดประเด็นถกเถียงขึ้นอย่างกว้างขวาง ซึ่งประเด็นที่ถูกนำมาเป็นข้อถกเถียงกันมากที่สุดคือเรื่องของผู้สืบสาย เลือดของพระเยซูและเรื่องขององค์กรโอปุสเดอี

โดยเนื้อหาในหนังสือกล่าวอ้างถึงการรักษาความลับของศาสนาคริสต์ที่ว่า อันที่จริงแล้วพระเยซูแต่งงานกับนางแมรี แม็กดาลีน และนางไม่ได้เป็นโสเภณี ทว่าเป็นเชื้อสายของกษัตริย์ชาวยิวและทั้งสองยังมีทายาทสืบเชื้อสายมา เรื่อยๆ ซึ่งทฤษฎีนี้ขัดต่อหลักของคริสตจักรอย่างโจ่งแจ้ง แถมเนื้อหายังบ่งด้วยว่า ฝ่ายคริสตจักรนำโดยกลุ่มโอปุสเดอีซึ่งเป็นนิกายหัวโบราณพยายามตามล่าเหล่า ผู้พิทักษ์ความลับทุกวิถีทางเพื่อให้มันเป็นความลับไปตลอดกาลด้วย

มองซีเญออามาโตให้เหตุผลในการเรียกร้องให้ร่วมกันคว่ำบาตรหนังเรื่องดัง กล่าวด้วยการอ้างอิงถึงเรื่องที่ชาวมุสลิมเพิ่งมีปัญหาเรื่องการ์ตูนที่ล้อ เลียนศาสดามูฮัมหมัด ว่าหนังสือลักษณะเดียวกันนี้หรือเหตุการณ์ในลักษณะเช่นนี้อาจก่อให้เกิดการ จลาจลไปทั่วโลกได้

"ถ้าหากมีการโกหกหรือพูดผิดๆ เกี่ยวกับเนื้อหาในคัมภีร์อัลกุรอานหรือการฆ่าล้างเผ่าพันธุ์ชาวยิวแล้ว พวกเขาก็จะปลุกระดมให้คนทั่วโลกลุกขึ้นมาประท้วง แต่พอเกิดเรื่องเดียวกันนี้เกี่ยวกับคริสตจักรและเหล่าศาสนิกชน พวกเขากลับละเลยที่จะพิจารณาโทษต่อสิ่งที่เกิดขึ้น" พระคุณเจ้ากล่าว

ขณะเดียวกัน กลุ่มคริสตศาสนิกชนนิกายแองกลิกันในซิดนีย์ ออสเตรเลียได้มีการเปิดตัวแคมเปญเกี่ยวกับหนังรหัสลับดาวินชีเพื่อกระตุ้น ให้ชาวคริสต์ร่วมกันค้นหาความจริงเกี่ยวกับพระเยซูคริสต์ในเนื้อหาที่สอด คล้องกับหนัง ผ่านทางเว็บไซต์ challengingdavinci.com และสื่อโฆษณาที่ออกมาเป็นซีรีส์โดยใช้เงินทุนกว่า 38,000 เหรียญ

"ที่เราเป็นห่วงก็คือ The Da Vinci Code อาจจะชักนำให้คนเข้าใจสิ่งที่ต่างๆ ผิดไป เราไม่ได้กลัวในตัวหนัง เราไม่ได้ชักชวนให้ประชาชนไม่ไปชม แต่เราทุกคนตระหนักดีถึงพลังของหนังที่จะสามารถเข้าไปเติมช่องว่างของสาร เกี่ยวกับพระผู้เป็นเจ้าในหมู่ผู้ที่ยังไม่รู้ได้" บิชอป โรเบิร์ต ฟอร์ซีท เจ้าคณะผู้ปกครองสังฆมณฑลซิดนีย์ และประธานกลุ่มผู้ริเริ่มแคมเปญนี้กล่าวกับทางเอพี

รหัสลับดาวินชี นอกจากจะสร้างเรื่องให้กับตัวผู้เขียนจนต้องขึ้นศาลเกี่ยวกับเรื่องการ ละเมิดลิขสิทธิทางปัญญาแล้ว หนังที่สร้างขึ้นจากหนังสือก็มีปัญหามาอย่างต่อเนื่อง ก่อนหน้านี้ทางกลุ่มโอปุสเดอีก็เรียกร้องให้ค่ายโซนี ผู้จัดจำหน่ายหนังหยิบเนื้อหามาทบทวนและเรียกร้องให้ถอนคำพูดที่ทำให้ทาง องค์กรเสื่อมเสีย ขณะที่ทางรัฐบาลอิตาลีก็เพิ่งจะถอดโปสเตอร์ขนาดยักษ์ออกหลังจากไปปิด ตระหง่านตรงข้ามกับหน้าโบสถ์เซนต์พานทาเลโอพอดี ซึ่งสร้างความไม่พอใจให้แก่คณะบาทหลวงในกรุงโรมเป็นอย่างมาก

ที่มา Manager Onine

2 ความคิดเห็น:

  1. มันเป็นแค่นิทานนะครับ The Da Vinci Code เนี่ย อย่าไปจริงจังอะไรกับมันนัก

    ตอบลบ
  2. มันเป็นแค่นิทานนะครับ เรื่อง พระเยซู ด้วย
    แต่งเพิ่ม อีก เยอะ.. พอกัน นะแหละ
    บางเรื่อง จริงบ้าง ไม่จริงบ้าง

    ตอบลบ