วันศุกร์ที่ 5 ตุลาคม พ.ศ. 2555

สถานการณ์คริสเตียนในสหรัฐ : สงครามวัฒนธรรม

โดย ดร.ทวีวัฒน์ ปุณฑริกวิวัฒน์
อาจารย์ประจำภาควิชามนุษยศาสตร์
คณะสังคมศาสตร์และมนุษยศาสตร์ มหาวิทยาลัยมหิดล
***

สหรัฐอเมริกาปัจจุบันกำลังเผชิญกับสิ่งที่เรียกว่า "สงครามวัฒนธรรม" (Culture Wars) ซึ่งสะท้อนให้เห็นถึงโลกทัศน์ 2 แบบที่กำลังต่อสู้กันอยู่ ความขัดแย้งระหว่างโลกทัศน์ที่แตกต่างทั้งสองนี้ กำลังส่งผลกระทบอย่างใหญ่หลวงต่อสังคมอเมริกันทั้งมวล  ลองพิจารณาดูจากเรื่องต่อไปนี้

เรื่องที่หนึ่ง แพต โรเบิร์ตสัน (Pat Robertson) นักเทศน์ที่มีชื่อเสียงทางสื่อ ซึ่งเป็นชาวคริสต์อนุรักษนิยม(Conservative Christian) และเป็นผู้นำศาสนาฝ่ายขวาสังกัดพรรครีพับลิกัน ได้กล่าวโจมตีพวกเสรีนิยม(liberals) ซึ่งเชื่อในทฤษฎีวิวัฒนาการ(Evolution Theory) และการแยกรัฐกับศาสนา ว่าเป็นภัยคุกคามต่อสหรัฐอเมริกายิ่งกว่าผู้ก่อการร้ายในเหตุการณ์ 11 กันยายน สงครามเย็น(กับอดีตสหภาพโซเวียต) และสงครามกลางเมืองเสียอีก


เรื่องที่สอง หนังสือพิมพ์นิวยอร์กไทม์ ฉบับวันที่ 5 พฤษภาคม 2005 และหนังสือพิมพ์ฟิลาเดลเฟียอินไควเรอร์ ฉบับวันที่ 9 พฤษภาคม 2005 รายงานเรื่องราวในโรงเรียนนายเรืออากาศของสหรัฐ มีเนื้อหาโดยย่อว่า พวกนายเรืออากาศและผู้บังคับบัญชาส่วนใหญ่เป็นชาวคริสต์ ครูคนหนึ่งบังคับให้นักศึกษาทั้งหมดสวดอ้อนวอนแบบคริสต์ โค้ชกีฬาคนหนึ่งชูป้ายที่มีข้อความว่า "ข้าพเจ้าเป็นสมาชิกทีมเยซู คริสต์" และหลายคนพยายามที่จะเปลี่ยนศาสนาของคนอื่น ซึ่งทั้งหมดนี้เป็นการกระทำที่ขัดต่อกฎหมายรัฐธรรมนูญ

เรื่องที่สาม พิพิธภัณฑ์วิทยาศาสตร์บางแห่งในตอนใต้ของสหรัฐ ไม่กล้าฉายภาพยนตร์สารคดีที่เกี่ยวกับทฤษฎีวิวัฒนาการ ผู้อำนวยการพิพิธภัณฑ์เหล่านี้เกรงกลัวการประท้วงจากชาวคริสต์หัวเก่า ทั้งสามเรื่องนี้สะท้อนให้เห็นว่า ขณะนี้ชาวคริสต์ฝ่ายอนุรักษนิยมกำลังโจมตีผู้ที่มีโลกทัศน์วิทยาศาสตร์สมัย ใหม่ โดยต้องการปลุกกระแสให้ผู้คนหันกลับไปเชื่อใน "โลกทัศน์แบบไบเบิล" (Biblical World View) อีกครั้งหนึ่ง

คำถามที่ติดตามมาก็คือทำไมสิ่งนี้จึงเกิดขึ้น นับตั้งแต่ต้นทศวรรษที่ 1960 เป็นต้นมา โรงเรียนของรัฐในสหรัฐอเมริกาทุกแห่งถูกสั่งห้ามการสวดอ้อนวอน การอ่านคัมภีร์ไบเบิล และสาระทางศาสนาของวันคริสต์มาสถูกตัดทิ้งไป นอกจากนี้เกิดการเปลี่ยนแปลงทางสังคมหลายอย่าง เช่น ในบางรัฐมีกฎหมายรองรับการทำแท้ง แพทย์สามารถช่วยเหลือผู้ป่วย(ที่ทุกข์ทรมานและหมดทางรักษา) ให้ฆ่าตัวตายอย่างสงบได้ และการแต่งงานของคนรักร่วมเพศ ซึ่งทั้งหมดนี้ชาวคริสต์ฝ่ายอนุรักษนิยมไม่อาจยอมรับได้

ทำไมจึงเกิดขึ้นในขณะนี้ ประธานาธิบดี รองประธานาธิบดี โฆษกสภาผู้แทนราษฎร และผู้นำส่วนใหญ่ทั้งในสภาผู้แทนราษฎรและวุฒิสภาล้วนแล้วแต่เป็นชาวคริสต์ แบบสุดโต่ง(Christian Extremists) พวกชาวคริสต์แบบสุดโต่งคิดว่า ขณะนี้เป็นโอกาสหรือจังหวะเหมาะที่จะแสดงค่านิยมและความเชื่อของตนเองออกมา

ศัพท์สำคัญบางคำที่เกี่ยวข้องกับเรื่องนี้คือ "ชาวคริสต์กระแสหลัก" (Mainline Christians) ส่วนใหญ่เป็นเสรีนิยม ปกติแล้วจะเชื่อในวิทยาศาสตร์ "ชาวคริสต์อีแวนเจลิเคิล" (Evangelical Christians) เชื่อในคัมภีร์ไบเบิลและต้องการเปลี่ยนศาสนาของคนอื่น "ชาวคริสต์ฟันดาเมนทัลลิสต์" (Fundamentalist Christians) เชื่อว่าคัมภีร์ไบเบิลเป็นสัจจะที่สมบูรณ์ และปฏิเสธวิทยาศาสตร์ส่วนใหญ่ ส่วนคำว่า "นักมนุษยนิยมทางโลก" (Secular Humanists) เป็นคำที่ชาวคริสต์อีแวนเจลิเคิลชอบใช้ ไม่ได้หมายถึงคนกลุ่มใดกลุ่มหนึ่งโดยเฉพาะ แต่รวมถึงพวกอเทวนิยม(Atheists) พวกที่ไม่แน่ใจว่าพระเจ้ามีจริงหรือไม่(Agnostics) นักมนุษยนิยม(Humanists) คนทั่วไปทั้งฝ่ายขวาและฝ่ายซ้าย บุคคลเหล่านี้มีความเชื่อร่วมกันคือ เชื่อในการแยกรัฐและศาสนาออกจากกัน เชื่อว่าความเชื่อของใครก็เป็นเรื่องของคนนั้น เชื่อและสนับสนุนวิทยาศาสตร์อย่างแข็งขัน

ในทางภูมิศาสตร์แล้ว นักมนุษยนิยมทางโลกมีอิทธิพลอยู่ทางตะวันออกเฉียงเหนือ ทางเหนือของใจกลางแผ่นดินใหญ่ และฝั่งตะวันตกของสหรัฐอเมริกา ส่วนพวกฟันดาเมนทัลลิสต์มีอิทธิพลอยู่ในส่วนที่เหลือของประเทศ นอกจากนี้นักมนุษยนิยมทางโลกมีอิทธิพลในเมืองใหญ่ ส่วนฟันดาเมนทัลลิสต์มีอิทธิพลในชนบทและเมืองเล็ก ส่วนแถบชานเมืองใหญ่จะแบ่งกันครึ่งต่อครึ่ง ในทางสถาบันแล้ว นักมนุษยนิยมทางโลกจะมีอิทธิพลในมหาวิทยาลัย และสถาบันที่สอนและวิจัยเกี่ยวกับวิทยาศาสตร์ ส่วนฟันดาเมนทัลลิสต์และอีแวนเจลิเคิลจะครอบงำสถาบันทหาร ส่วนสื่อมวลชนนั้นแบ่งคนละครึ่ง

ประเด็นที่ถกเถียงกันก็คือ วิวัฒนาการ อายุของโลก จุดกำเนิดของจักรวาล ต้นกำเนิดชีวิต และต้นกำเนิดของมนุษย์ นักมนุษยนิยมทางโลกยอมรับทรรศนะทางวิทยาศาสตร์ในประเด็นข้างต้นทั้งหมด ส่วนฟันดาเมนทัลลิสต์เชื่อว่าคัมภีร์ไบเบิลเป็นความจริงทุกตัวอักษร โลกถูกสร้างขึ้นใน 7 วัน (หลายคนเชื่อว่าใน 7 วันแต่ละวันมี 24 ชั่วโมง) และทุกสิ่งถูกสร้างขึ้นโดยพระเจ้าเมื่อ 6,000 ปีที่แล้ว สำหรับทรรศนะที่เดินสายกลางก็มี "รังสรรค์นิยม" (Creationism) ซึ่งเชื่อว่าพระเจ้าสร้างทุกสิ่งทุกอย่าง แต่อาจจะไม่ใช่ภายในเวลา 7 วัน "การออกแบบโดยสติปัญญาสูงสุด" (Intelligent Design) ซึ่งพยายามอธิบายว่า เซลล์ต่างๆ นั้นซับซ้อนเกินกว่าที่จะวิวัฒนาการเองได้ ดังนั้น พวกมันจึงถูกออกแบบมา แต่ทรรศนะนี้ไม่ได้บอกว่าใครเป็นผู้ออกแบบ พวกนี้หลีกเลี่ยงที่จะเอ่ยถึงพระเจ้าเพื่อให้ดูเหมือนว่า "การออกแบบโดยสติปัญญาสูงสุด" นั้นเป็นทฤษฎีทางวิทยาศาสตร์

หนังสือพิมพ์วอชิงตันโพสต์ ฉบับวันที่ 4 พฤษภาคม 2005 รายงานว่า สถาบันดิสโคเวอรี่(Discovery Institute) ค้นพบนักวิทยาศาสตร์ 356 คนที่เชื่อใน "การออกแบบโดยสติปัญญาสูงสุด" แต่ศูนย์การศึกษาวิทยาศาสตร์แห่งชาติ(National Center for Science Education) ก็ได้เปิดเผยข้อมูลเป็นการตอบโต้ด้วยอารมณ์ขันที่ว่า นักวิทยาศาสตร์ซึ่งเชื่อในทฤษฎีวิวัฒนาการลำพังที่ชื่อ "สตีฟ" (Steve) ชื่อเดียวก็มีจำนวนถึง 543 คนแล้ว (ซึ่งมากกว่านักวิทยาศาสตร์ที่เชื่อใน "การออกแบบโดยสติปัญญาสูงสุด" ทั้งหมดรวมกันเสียอีก) ในทางวิชาการแล้วทรรศนะของ "การออกแบบโดยสติปัญญาสูงสุด" "รังสรรค์นิยม" และการตีความคัมภีร์ไบเบิลตามตัวอักษร ไม่อาจจัดเป็นทฤษฎีทางวิทยาศาสตร์ได้

เรื่องนี้เกี่ยวข้องกับการศึกษาในสหรัฐอเมริกาอย่างไร ฟันดาเมนทัลลิสต์และผู้สนับสนุนพยายามโจมตีทฤษฎีวิวัฒนาการในการศึกษาวิทยา ศาสตร์ และผลักดันทางการเมืองให้มีการสอน "การออกแบบโดยสติปัญญาสูงสุด" ในการศึกษาวิทยาศาสตร์ ขณะเดียวกันชุมชนของนักวิทยาศาสตร์ ครูสอนวิชาวิทยาศาสตร์ และผู้สนับสนุนก็ออกมาเคลื่อนไหวคัดค้าน จนกระทั่งปัจจุบันดูเหมือนว่าเกิดความขัดแย้งระหว่างวัฒนธรรมที่แตกต่าง 2 วัฒนธรรมในสหรัฐอเมริกา

วัฒนธรรมหนึ่งนั้นตั้งอยู่บนฐานความเชื่อทางศาสนา ซึ่งครั้งหนึ่งเคยได้รับการยอมรับอย่างกว้างขวาง แต่ปัจจุบันความสำคัญกลับลดน้อยถอยลงอย่างต่อเนื่อง หลายคนที่อยู่ในความเชื่อนี้มองว่า การศึกษาปัจจุบันกำลังทำลายศาสนาของพวกเขา ส่วนอีกวัฒนธรรมหนึ่งตั้งอยู่บนฐานความเชื่อทางวิทยาศาสตร์และการแยกรัฐกับ ศาสนา หลายคนมองว่าฟันดาเมนทัลลิสต์กำลังโจมตีวิทยาศาสตร์และการแยกรัฐกับศาสนา บุคคลกลุ่มนี้กลัวว่าการโจมตีวิทยาศาสตร์จะทำลายการศึกษาและศักยภาพในอนาคต ของเด็กอเมริกัน และจะทำลายสถานะทางเศรษฐกิจในอนาคตของประเทศอีกด้วย

ความขัดแย้งมิได้จำกัดอยู่แต่เพียงการศึกษา สหรัฐอเมริกาปัจจุบันในหลายแง่มุมกำลังได้รับผลกระทบจากความขัดแย้งระหว่าง โลกทัศน์ที่แตกต่างทั้งสองนี้ สงครามวัฒนธรรมได้กลายเป็นแนวคิดที่ชาวอเมริกันจำนวนมากใช้ทำความเข้าใจสิ่ง ที่กำลังเกิดขึ้นกับประเทศของตนเอง และอาจจะเป็นกรอบแนวคิดที่เป็นประโยชน์สำหรับผู้ที่ต้องการทำความเข้าใจ วัฒนธรรมอเมริกัน.

***

ที่มา : หนังสือพิมพ์มติชนรายวัน. ฉบับประจำวันอาทิตย์ที่ ๙ ตุลาคม พ.ศ. ๒๕๔๘ ปีที่ ๒๘ ฉบับที่ ๑๐๐๗๔. คอลัมน์หน้าต่างความจริง, หน้า ๖.

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น