ในปี 2554 นิตยสารฟอร์ปซึ่งเป็นนิตรสารทางการเงินที่ทรงอิทธิพลของโลกและมักจัดอันดับความร่ำรวยของบุคคลและองค์กรในด้านต่างๆ ของโลกอยู่เสมอ แต่ครั้งนี้ได้รายงานถึงศิษยาภิบาลที่มีความร่ำรวยมากไว้หลายบุคคล แต่สิ่งที่ผู้เขียนขอนำมาเสนอคนที่ร่ำรวยที่สุด และถือว่าเป็นนักเทศน์หรือศิษยาภิบาลที่ร่ำรวยที่สุดในโลกนี้ คือ... บิชอป เดวิด โอเยเดโป (Bishop David Oyedepo)
เป็นชาวไนจีเรีย มีพันธกิจและโบสถ์ที่ชื่อ Faith Tabernacle ซึ่งเป็นโบสถ์ที่ใหญ่ที่สุดในอัฟริกา จุคนได้ห้าหมื่นคน และยังมีโบสถ์สาขาในอีกหลายที่รวมทั้งในต่างประเทศหลายประเทศ และยังมีองค์กร Living Faith World Outreach Ministry
วันจันทร์ที่ 29 ตุลาคม พ.ศ. 2555
วันศุกร์ที่ 26 ตุลาคม พ.ศ. 2555
วัฒนธรรมไทยในสายตาคนสองวัฒนธรรม อย่าง คริส ดีลิเวอรี่

คริสโตเฟอร์ ไรท์ เจ้าของโรงเรียนสอนภาษาอังกฤษ นักแสดง และผู้ดำเนินรายการวิทยุ ชื่อดัง ถูกเชิญไปบรรยายพิเศษเรื่อง "คน (เมือง) นอก มองไทยพร้อมแค่ไหนสู่ ASEAN" ในโครงการอบรมผู้นำนักศึกษามหาวิทยาลัยมหิดล หรือ MU Leadership จากการที่เขามองจากมุมมองของคนสองวัฒนธรรม ทั้งไทยทั้งฝรั่ง จึงสามารถช่วยสะท้อนให้เราคนไทยได้คิด มีเนื้อหาที่น่าสนใจหลายประเด็น จึงขอสรุปและนำมาเสนอต่อดังนี้...
คุณครูคริสโตเฟอร์ ไรท์ บอกว่า คนไทยเรามีบางวัฒนธรรม ที่อาจทำให้การฝึกฝนภาษาอังกฤษเพื่อสื่อสารกับชาวต่างชาติของไทยไม่สำเร็จหรือเป็นผลสำเร็จช้า รวมทั้งทำให้การทำอะไรก็ไม่ค่อยประสบความสำเร็จไปด้วย นั่นคือ
วันพุธที่ 24 ตุลาคม พ.ศ. 2555
โบสถ์สอนเท็จอันใหม่เมดอินเกาหลี เชื่อในพระเจ้าพระมารดา
ก่อนอื่นต้องอธิบายก่อนว่าที่ว่า "สอนเท็จ" ในที่นี้หมายถึงตามบรรทัดฐานของคริสตชนกระแสหลัก โบสถ์หรือคริสตจักรที่ว่านี้ชื่อในภาษาอังกฤษคือ "The World Mission Society Church of God" แปลเป็นไทยได้ว่า "คริสตจักรสมาคมมิชชั่นโลก ของพระเจ้า"
ตามประวัติจากเวบไซท์ของเขาคือ http://english.watv.org บอกว่า ตั้งมาตั้งแต่ปี 1948 ก่อตั้งโดย พระคริสต์ที่เสด็จกลับมาครั้งที่สอง ซึ่งเป็นชายเกาหลีที่ชื่อว่า Ahnsahnghong (น่าจะอ่านว่า อันซังฮง) พวกเขาถึงกับเรียกชายผู้นี้ว่า "พระคริสต์อันซังฮง" เลยทีเดียว เขาว่าพระคริสต์เกาหลีผู้นี้มาถึงเกาหลีในปี 1948 ซึ่งที่พระคริสต์มาที่เกาหลีเพราะเกาหลีตั้งอยู่ที่ "สุดปลายแผ่นดินโลกทางตะวันออก" ซึ่งตรงกับคำทำนายเรื่องต้นมะเดื่อ เมื่อมาถึงก็เริ่มประกาศ
ตามประวัติจากเวบไซท์ของเขาคือ http://english.watv.org บอกว่า ตั้งมาตั้งแต่ปี 1948 ก่อตั้งโดย พระคริสต์ที่เสด็จกลับมาครั้งที่สอง ซึ่งเป็นชายเกาหลีที่ชื่อว่า Ahnsahnghong (น่าจะอ่านว่า อันซังฮง) พวกเขาถึงกับเรียกชายผู้นี้ว่า "พระคริสต์อันซังฮง" เลยทีเดียว เขาว่าพระคริสต์เกาหลีผู้นี้มาถึงเกาหลีในปี 1948 ซึ่งที่พระคริสต์มาที่เกาหลีเพราะเกาหลีตั้งอยู่ที่ "สุดปลายแผ่นดินโลกทางตะวันออก" ซึ่งตรงกับคำทำนายเรื่องต้นมะเดื่อ เมื่อมาถึงก็เริ่มประกาศ
วันจันทร์ที่ 8 ตุลาคม พ.ศ. 2555
9 บทเรียนทองของ สตีฟ จอบส์

โดย บุญสิตา
9 คำพูดที่ดีที่สุดที่คัดเลือกมานี้ จะช่วยให้คุณทำงานได้สำเร็จตามสไตล์ซีอีโอแสนล้าน
1. สตีฟ จอบส์ พูดว่า “นวัตกรรมเป็นสิ่งที่ทำให้เกิดความแตกต่างระหว่างผู้นำและผู้ตาม”
นวัตกรรมหรือวิธีการใหม่ เป็นสิ่งไร้ขีดจำกัด มีเพียงจินตนาการเท่านั้นที่มีขอบเขต ถึงเวลาแล้วที่คุณต้องเริ่มคิดนอกกรอบ ถ้าคุณทำงานในภาคธุรกิจที่กำลังเติบโต ต้องรู้จักคิดหาทางทำงานให้มีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น ทำให้ลูกค้าพึงพอใจ และอยากจะทำธุรกรรมด้วย แต่ถ้าคุณอยู่ในธุรกิจที่กำลังหดตัว ต้องรีบออกมาจากธุรกิจนั้นโดยเร็ว และเปลี่ยนแปลงก่อนที่คุณจะกลายเป็นคนตกยุค ตกงาน หรือธุรกิจล่มสลาย และต้องจำไว้เสมอว่า คุณจะผัดวันประกันพรุ่งไม่ได้ ต้องเริ่มเปลี่ยนแปลงเดี๋ยวนี้
วันอาทิตย์ที่ 7 ตุลาคม พ.ศ. 2555
คิดแบบยิว ทำแบบยิว รวยเหมือน…ยิว
โดย สวลี ตันกุลรัตน์
หลังจากเขียนเรื่อง “คิดเหมือนเจ้าสัว ทำแบบเจ้าสัว รวยเป็น…เจ้าสัว” ไปเมื่อเทศกาลตรุษจีนที่ผ่านมา ก็มีคนมากระซิบว่า ถ้าจะให้พูดถึงความร่ำรวยแล้ว ชนชาติที่มั่งคั่งร่ำรวยที่สุดในโลกน่าจะเป็น “ยิว” เพราะชนชาติยิวมี “เคล็ดลับ” สร้างความร่ำรวยที่น่าเอาอย่าง
.
แต่ต้องยอมรับตามตรงว่า แทบจะไม่มีพื้นฐานความรู้เกี่ยวกับชนชาติยิวสักเท่าไร โอกาสที่จะรู้จักมักจี่กับชนชาติยิวยิ่งไม่ต้องพูดถึง
.
นอกจากนี้ ถ้าได้ยินคำว่า “ยิว” ก็ต้องยอมรับอีกครั้งว่า ออกจะมีความรู้สึกไปในทางลบเสียเป็นส่วนใหญ่ (ทั้งๆที่ไม่ได้เคยรู้จัก) และอีกความรู้สึกคือ สงสารและเห็นใจ เพราะครั้งแรกที่รู้จักคำว่า “ยิว” ก็จากหนังสือเรื่อง “บันทึกลับ ของ แอนน์ แฟรงค์” หนังสือที่สร้างจากสมุดบันทึกประจำวันของ “อันเนอ ฟรังค์” ที่ต้องผ่านชีวิตที่ยากลำบากในการฆ่าล้างเผ่าพันธุ์ในสมัยสงครามโลกครั้งที่ 2
.
จดหมายเรื่อง 'พระเจ้า' ของไอน์สไตน์ ถูกนำมาประมูลผ่าน eBay
จดหมายของอัลเบิร์ต ไอน์สไตน์ นักวิทยาศาสตร์ชื่อดังที่เขียนโต้เถียงกับนักปรัชญาชาวยิวในเรื่องพระเจ้าและคัดค้านเรื่องที่ว่าชาวยิวเป็นเชื้อชาติผู้ถูกเลือก ถูกนำมาประมูลผ่าน eBay ด้วยราคาเริ่มต้น 3 ล้านดอลลาร์
6 ต.ค. 2012 - จดหมายของนักวิทยาศาสตร์ชื่อก้องโลก อัลเบิร์ต ไอน์สไตน์ ที่เขียนความเห็นเกี่ยวกับเรื่อง 'พระเจ้า' จะถูกนำมาประมูลผ่านเว็บ eBay ในวันที่ 8 ต.ค. นี้
วันศุกร์ที่ 5 ตุลาคม พ.ศ. 2555
เทวทาสี กับโสเภณีศักดิ์สิทธิ์
เทวทาสี ถ้าจะเรียกในภาษาทั่วไปในปัจจุบันก็อาจเรียกว่า โสเภณีทางศาสนา (religious prostitute) หรือบางทีก็เรียกโสเภณีศักดิ์สิทธิ์ (sacred prostitute)
พระคัมภีร์ไบเบิลภาคพันธสัญญาเดิมกล่าวถึง "เทวทาส" และ "เทวทาสี" ไว้อย่างนี้ว่า
"..ผู้หญิงชาวอิสราเอลนั้น อย่าให้คนหนึ่งคนใดเป็นเทวทาสี อย่าให้บุตรชายอิสราเอลคนหนึ่งคนใดเป็นเทวทาส ท่านอย่านำค่าจ้างของเทวทาสี หรือค่าจ้างจากหมา มาในวิหารของพระเยโฮวาห์พระเจ้าของท่าน เป็นเงินแก้บนอย่างหนึ่งอย่างใด เพราะสิ่งทั้งสองนี้ เป็นสิ่งพึงรังเกียจแด่พระเยโฮวาห์พระเจ้าของท่าน"
(เฉลยธรรมบัญญัติ 23:17-18)
คำว่า เทวทาส และ เทวทาสี หรือจะเรียกว่า ทาสของเทพเจ้าที่่มีทั้งชายหรือหญิง ก็ได้ หมายถึง ชายหรือหญิงผู้ให้การร่วมประเวณีในพิธีศาสนาแก่ผู้มาทำพิธีบวงสรวงเทพเจ้า แต่ส่วนใหญ่ที่เป็นหญิงจะมีมากกว่า
ทัศนะของคริสเตียนต่อประเพณีการไหว้บรรพบุรุษของชาวจีนแคะในไต้หวัน
(เขียนโดย โจเอล นอร์ดเวดท์ และผู้แปล ดร. ศิลป์ชัย เชาว์เจริญรัตน์ จากหนังสือ "คริสตชนบนวิถีไทย" โดย ดร. ศิลป์ชัย เชาว์เจริญรัตน์ สำนักพิมพ์ ซีอีดี)
ประเพณีการไหว้บรรพบุรุษของคนจีนเป็นอุปสรรคใหญ่ที่สุดอันหนึ่งในการประกาศพระกิตติคุณในไต้หวันมาโดยตลอด จากการศึกษาของผู้เขียนเกี่ยวกับคนจีนแคะได้ให้ความเชื่อมั่นมากขึ้นเรื่อยๆ ว่า คริสเตียนเราจำเป็นต้องมีการประเมินท่าทีทัศนคติและคำสอนเรื่องการไหว้บรรพบุรุษของคนจีนเสียใหม่ ผู้เขียนเขียนบทความนี้จากประสบการณ์และการติดต่อกับชาวจีนแคะด้วยตนเอง ความคิดที่ผู้เขียนจะนำเสนอต่อไปนี้ไม่ว่าจะถูกนำไปประยุกต์ใช้อย่างกว้างขวางเพียงใดก็ตาม ก็ควรได้รับการตัดสินจากท่านผู้อ่านด้วยประสบการณ์ที่กว้างขวางออกไป
ประเพณีการไหว้บรรพบุรุษของคนจีนเป็นอุปสรรคใหญ่ที่สุดอันหนึ่งในการประกาศพระกิตติคุณในไต้หวันมาโดยตลอด จากการศึกษาของผู้เขียนเกี่ยวกับคนจีนแคะได้ให้ความเชื่อมั่นมากขึ้นเรื่อยๆ ว่า คริสเตียนเราจำเป็นต้องมีการประเมินท่าทีทัศนคติและคำสอนเรื่องการไหว้บรรพบุรุษของคนจีนเสียใหม่ ผู้เขียนเขียนบทความนี้จากประสบการณ์และการติดต่อกับชาวจีนแคะด้วยตนเอง ความคิดที่ผู้เขียนจะนำเสนอต่อไปนี้ไม่ว่าจะถูกนำไปประยุกต์ใช้อย่างกว้างขวางเพียงใดก็ตาม ก็ควรได้รับการตัดสินจากท่านผู้อ่านด้วยประสบการณ์ที่กว้างขวางออกไป
สถานการณ์คริสเตียนในสหรัฐ : สงครามวัฒนธรรม
โดย ดร.ทวีวัฒน์ ปุณฑริกวิวัฒน์
อาจารย์ประจำภาควิชามนุษยศาสตร์
คณะสังคมศาสตร์และมนุษยศาสตร์ มหาวิทยาลัยมหิดล
***
สหรัฐอเมริกาปัจจุบันกำลังเผชิญกับสิ่งที่เรียกว่า "สงครามวัฒนธรรม" (Culture Wars) ซึ่งสะท้อนให้เห็นถึงโลกทัศน์ 2 แบบที่กำลังต่อสู้กันอยู่ ความขัดแย้งระหว่างโลกทัศน์ที่แตกต่างทั้งสองนี้ กำลังส่งผลกระทบอย่างใหญ่หลวงต่อสังคมอเมริกันทั้งมวล ลองพิจารณาดูจากเรื่องต่อไปนี้
เรื่องที่หนึ่ง แพต โรเบิร์ตสัน (Pat Robertson) นักเทศน์ที่มีชื่อเสียงทางสื่อ ซึ่งเป็นชาวคริสต์อนุรักษนิยม(Conservative Christian) และเป็นผู้นำศาสนาฝ่ายขวาสังกัดพรรครีพับลิกัน ได้กล่าวโจมตีพวกเสรีนิยม(liberals) ซึ่งเชื่อในทฤษฎีวิวัฒนาการ(Evolution Theory) และการแยกรัฐกับศาสนา ว่าเป็นภัยคุกคามต่อสหรัฐอเมริกายิ่งกว่าผู้ก่อการร้ายในเหตุการณ์ 11 กันยายน สงครามเย็น(กับอดีตสหภาพโซเวียต) และสงครามกลางเมืองเสียอีก
อาจารย์ประจำภาควิชามนุษยศาสตร์
คณะสังคมศาสตร์และมนุษยศาสตร์ มหาวิทยาลัยมหิดล
***
สหรัฐอเมริกาปัจจุบันกำลังเผชิญกับสิ่งที่เรียกว่า "สงครามวัฒนธรรม" (Culture Wars) ซึ่งสะท้อนให้เห็นถึงโลกทัศน์ 2 แบบที่กำลังต่อสู้กันอยู่ ความขัดแย้งระหว่างโลกทัศน์ที่แตกต่างทั้งสองนี้ กำลังส่งผลกระทบอย่างใหญ่หลวงต่อสังคมอเมริกันทั้งมวล ลองพิจารณาดูจากเรื่องต่อไปนี้
เรื่องที่หนึ่ง แพต โรเบิร์ตสัน (Pat Robertson) นักเทศน์ที่มีชื่อเสียงทางสื่อ ซึ่งเป็นชาวคริสต์อนุรักษนิยม(Conservative Christian) และเป็นผู้นำศาสนาฝ่ายขวาสังกัดพรรครีพับลิกัน ได้กล่าวโจมตีพวกเสรีนิยม(liberals) ซึ่งเชื่อในทฤษฎีวิวัฒนาการ(Evolution Theory) และการแยกรัฐกับศาสนา ว่าเป็นภัยคุกคามต่อสหรัฐอเมริกายิ่งกว่าผู้ก่อการร้ายในเหตุการณ์ 11 กันยายน สงครามเย็น(กับอดีตสหภาพโซเวียต) และสงครามกลางเมืองเสียอีก
เรื่องเล่าในพระคัมภีร์เบญจบรรณ มีความจริงทางประวัติศาสตร์เพียงไร ตามการตีความของคาทอลิก
(บทความนี้เขียนโดยนักวิชาการคาทอลิกเพื่ออธิบายวิธีการตีความหมายพระธรรม 5 เล่มแรกของพระคัมภีร์ ซึ่งก็จะเป็นการสะท้อนว่า ในการตีความหมายของคาทอลิก ถือว่าเรื่องเล่าในหนังสือปัญจบรรพ (หรือเบญจบรรณ) มีความจริงทางประวัติศาสตร์มากน้อยเพียงไร?) ....
หนังสือเบญจบรรณ หรือปัญจบรรพ หมายถึงหนังสือ 5 เล่มแรกของพระคัมภีร์ไบเบิล ซึ่งมักเชื่อกันว่าผู้เขียนคือท่านโมเสส ก่อนจะตอบคำถามที่ว่า เรื่องเล่าในหนังสือปัญจบรรพ (หรือเบญจบรรณ) มีความจริงทางประวัติศาสตร์มากน้อยเพียงไร? เราต้องมาทำความเข้าใจเรืองความเป็นมาของการเรียบเรียงหนังสือปัญจบรรพเสียก่อน จึงจะตีความหมายได้อย่างถูกต้อง
วันพฤหัสบดีที่ 4 ตุลาคม พ.ศ. 2555
เมื่อคาทอลิกขอชี้แจงโปรเตสแต๊นท์

(หมายเหตุ: บทความนี้เดิมชื่อ "ศรัทธาพาหลง : โปรแตสแตนท์และคาทอลิก ความสัมพันธ์บนความเข้าใจผิดที่มิอาจแก้ไขได้?" เขียนโดย บาทหลวงไพบูลย์ อุดมเดช C.Ss.R. - ข้าพเจ้าได้มีการตัดทอนบางส่วนออกไปเพื่อให้กระชับขึ้น) อ่านจบแล้วท่านผู้อ่านสามารถสะท้อนความคิดเห็นได้
Dr.Sinchai
...................
อ่านแล้วรู้สึกเหมือนว่าฝ่ายคาทอลิกเป็นผู้ร้ายและฝ่ายโปรแตสแตนท์เป็นพระเอก
ผมเดาเอาว่าผู้จัดทำคงจะแปลเนื้อหามาจากแหล่งข้อมูลที่เขียนโดยพี่น้องโปรแตสแตนท์ที่ยังไม่เข้าใจคาทอลิกดีพอ เป็นต้นว่าในด้านข้อเท็จจริงทางประวัติศาสตร์และมุมมองจากความเป็นจริงของความเป็นมนุษย์ผู้อ่อนแอ
สมัครสมาชิก:
บทความ (Atom)