จุดยืนของมุสลิมต่อท่านอีซา (พระเยซู)
ขอขอบคุณที่มา http://www.answeringislam.net/Thai/reason_Isa_follow.html
เหตุผลการติดตามท่านอีซา
ถ้า พี่น้องมุสลิมทุกคนมาช่วยกันพัฒนาฟื้นฟูอิสลามกันใหม่อีกครั้งเกี่ยวกับผู้ ที่ติดตามท่านอีซา และผู้ที่ตามท่านนบีมูฮัมมัด จะเป็นการดีถ้าทุกฝ่ายยอมรับซึ่งกันและกันได้ ขณะนี้ได้เข้าสู่ยุคสุดท้ายแล้วที่เราควรต้องร่วมมือกันทำให้มุสลิมทั่วโลก ได้กลับใจมาติดตามท่านอีซา มุสลิมทุกคนสามารถอยู่ร่วมกับสังคมอื่นได้แล้วบอกข่าวดีกับคนเหล่านั้นถึง เรื่องราวของท่านอีซา เป็นการรู้ซึ้งถึงหลักการที่แท้จริงของมุสลิม จะมีมุสลิมสักกี่คนที่กระตือรือร้น และมีความปรารถนาอย่างแรงกล้าที่จะช่วยให้สังคมมุสลิมของเรา มีระเบียบแบบแผนเป็นน้ำหนึ่งใจเดียวกันยอมรับซึ่งกันและกัน ให้อภัยกัน เป็นผู้ที่รักสันติจริงๆ เกรงกลัวต่อบาป ทั้งบาปเล็กบาปใหญ่ ไม่พูดจาดูถูกกันและกัน หรือดูหมิ่นขนบธรรมเนียมประเพณีของพี่น้องมุสลิมด้วยกันเอง นี่จึงไม่ใช่ประวัติศาสตร์หน้าใหม่ของสังคมมุสลิม แต่ท่านนบีมูฮัมมัด (ซ.ล.) ยังได้กล่าวไว้ใน ซูเราะฮ์อัลมาอิดะฮ์ อายะฮ์ที่ 51 ; 57 ว่า
ผู้ ศรัทธาทั้งหลาย จงอย่าได้ยึดเอาชาวยิว และชาวคริสต์เป็นมิตร บางส่วนของพวกเขานั้นคือมิตรของอีกบางส่วน และผู้ใดในหมู่พวกเจ้า เอาพวกเขามาเป็นมิตรแล้วไซร้แน่นอนผู้นั้นก็เป็นคนหนึ่งในพวกเขา แท้จริงอัลลอฮ์จะไม่ทรงแนะนำกลุ่มชนที่อธรรม
ผู้ ศรัทธาทั้งหลายจงอย่าได้ยึดเอามาเป็นมิตร ผู้ซึ่งถือเอาความศรัทธาของพวกเจ้าเป็นการเย้ยหยัน และเป็นการล้อเล่นจากบรรดาผู้ที่ได้รับคัมภีร์ก่อนพวกเจ้า และบรรดาผู้ปฏิเสธศรัทธาทั้งหลาย และพึงยำเกรงอัลลอฮ์เถิดหากพวกเจ้าเป็นผู้ศรัทธา
จากคัมภีร์ตอนนี้แสดงให้เห็นว่าทั้งชาวยิว และคริสต์ ไม่สามารถเป็นมิตรกับมุสลิมได้แต่ก็ยังมีอายะฮ์บางตอนให้ยอมรับกับคริสเตียน ได้ เช่น ในซูเราะฮ์อัลมาอิดะฮ์ อายะฮ์ที่ 82 ที่กล่าวว่า
แน่ นอนเจ้าจะพบว่าหมู่ชนที่เป็นศัตรูอันรุนแรงแก่บรรดาผู้ที่ศรัทธานั้น คือชาวยิวและบรรดาผู้ที่ให้มีภาคีแก่อัลลอฮ์ และแน่นอนเจ้าจะพบว่า บรรดาผู้ที่มีความรักใคร่แก่บรรดาผู้ที่ศรัทธาใกล้กว่าพวกเขานั้นคือ บรรดาผู้ที่กล่าวว่า แท้จริงพวกเราเป็นคริสต์ นั่นก็เพราะว่าในหมู่พวกเขานั้นมีบรรดานักปราชญ์ และบาทหลวง และก็เพราะว่าพวกเขาไม่เย่อหยิ่ง
ซูเราะฮ์อาละอิมรอน อายะฮ์ที่ 52-53 ; 55
ครั้น เมื่ออีซารู้สึกว่ามีการปฏิเสธศรัทธาเกิดขึ้นในหมู่พวกยิว จึงได้กล่าวว่าใครบ้างจะเป็นผู้ช่วยเหลือฉันไปสู่อัลลอฮ์ (ซ.บ.) บรรดาพวกเจ้าสาวกผู้บริสุทธิ์ใจกล่าวว่า พวกเราคือผู้ช่วยเหลืออัลลอฮ์ พวกเราศรัทธาต่ออัลลอฮ์แล้วและท่านจงเป็นพยานด้วยว่า แท้จริงพวกเรานั้นคือผู้น้อมตามข้าแต่พระเจ้าของพวกข้าพระองค์ พวกข้าพระองค์ศรัทธาแล้วต่อสิ่งที่พระองค์ได้ประทานลงมาและพวกข้าพระองค์ก็ ได้ปฏิเสธตามร่อซู้ลแล้ว โปรดทรงบันทึกพวกข้าพระองค์ ร่วมกับบรรดาผู้ที่กล่าวปฏิญาณยืนยันทั้งหลายด้วยเถิด
จง รำลึกถึงขณะที่อัลลอฮ์ตรัสว่า โอ้ ! อีซา ข้าจะเป็นผู้รับเจ้าไปพร้อมด้วยชีวิต และร่างกายของเจ้า และจะเป็นผู้ยกเจ้าขึ้นไปยังข้า และจะเป็นผู้ทำให้เจ้าบริสุทธิ์พ้นจากบรรดาผู้ที่ปฏิเสธศรัทธา และจะเป็นผู้ให้บรรดาที่ปฏิบัติตามเจ้าเหนือผู้ปฏิเสธศรัทธาทั้งหลาย จนกระทั่งถึงวันกิยามะฮ์ แล้วยังข้านั้นคือการกลับไปของพวกเจ้า แล้วข้าจะตัดสินระหว่างพวกเจ้าในสิ่งที่พวกเจ้าขัดแย้งกัน
ซูเราะฮ์อัลฮะดีด อายะฮ์ที่ 27
แล้ว เราก็ได้ส่งบรรดาร่อซู้ลของเราติดตามร่องรอยของพวกเขา และเราได้ส่งอีซาอิบนฺมัรยัมตามมา และเราได้ประทานอินญีลให้แก่เขา และเราได้บันดาลความสงสาร และความเมตตาให้เกิดขึ้นในจิตใจของบรรดผู้ที่เชื่อฟังปฏิบัติตามเขา
ซูเราะฮ์อัศศ็อฟ อายะฮ์ที่ 14
โอ้บรรดาผูศรัทธาเอ๋ย จงเป็นผู้ช่วยเหลือในทางของอัลลอฮ์ ดังเช่น อี ซาอิบนุมัรยัม ได้กล่าวแก่บรรดาสาวกว่า ผู้ใดจะเป็นผู้ช่วยเหลือฉันไปยังอัลลอฮ์บ้าง บรรดาสาวกได้กล่าวว่า พวกเราเป็นผู้ช่วยเหลือในทางของอัลลอฮ์ ดังนั้นกลุ่มหนึ่งจากวงศ์วานอิสราเอลได้ศรัทธา และอีกกลุ่มหนึ่งได้ปฏิเสธศรัทธา แต่เราได้ช่วยเสริมกำลังแก่บรรดาผู้ศรัทธาให้เหนือกว่าศัตรูของพวกเขาแล้ว พวกเขาก็กลายเป็นผู้มีชัยชนะ
มุสลิมทุกคนจึงมีความสัมพันธ์ที่ดีกับท่านอีซา ไม่เคยคิดดูหมิ่นศาสนาหรือศาสดาของตัวเอง ถึงแม้ว่าบางครั้งไม่เห็นด้วยกับคำสอนในอัลกุรอ่านทั้งหมดแต่ได้รู้ความจริง ว่า ผู้ที่ติดตามท่านอีซานั้นได้ใกล้ชิดกับความรักความเมตตาของพระเจ้ามากที่ สุด ถ้ายกเอาถ้อยคำหรือ การกระทำอื่นมาพิสูจน์ เราจะเห็นได้จากพระเจ้าของท่านนบีอิบรอฮีม อิสฮัก ยะอ์กุ๊บ พวกท่านเหล่านี้ต้องยอมจำนนต่อพระเจ้า แสดงให้เห็นว่าความรักคือ ทางนั้น เป็นไทจากการผูกมัดของโลกดุนยาอ่อนน้อมถ่อมตน มีความปรารถนาที่จะขอความช่วยเหลือจากพระเจ้า มีวิญญาณที่บริสุทธิ์ของพระเจ้าคอยปกป้องต่อสู้กับชัยฏอน มีความหวังว่าจะมีชัยเหนือทุกสิ่งที่ชั่วร้ายได้ ด้วยจิตใจที่เมตตากรุณา ถ้าเราเป็นดั่งนี้ได้เราจะเป็นมุสลิมที่สมบูรณ์อย่างแท้จริง . . . . . . จากสิ่งที่อยู่ในใจสำคัญมาก เป็นการบอกกล่าวกับพี่น้องมุสลิมเพราะผู้ที่ติดตามพระเจ้าที่ดีนั้น ต้องรับฟังคำตักเตือน หรือคำสั่งสอนจากคัมภีร์ใน อินญีล 2 ทิมโมธี บทที่ 2 ข้อที่ 23-26 กล่าวว่า
อย่า ข้องแวะกับปัญหาอันโง่เขลาและไม่เป็นสาระ ด้วยรู้แล้วว่าปัญหาเหล่านั้นก่อให้เกิดการทะเลาะวิวาทกัน แต่ต้องมีใจเมตตาต่อทุกคน เป็นครูที่เหมาะสมและมีความอดทน ชี้แจงให้ฝ่ายตรงกันข้ามเข้าใจด้วยความสุภาพว่าพระเจ้าอาจจะทรงโปรดให้เขา กลับใจ และมาถึงซึ่งความจริง และหลุดพ้นจากบ่วงมาร ผู้ซึ่งดักจับเขาไว้ให้ทำตามความประสงค์ของมัน. . . .
อินญีล ทิตัส บทที่ 3 ข้อที่ 1-2
จง เตือนเขาให้นอบน้อมต่อเจ้าบ้านผ่านเมือง ให้เชื่อฟังและพร้อมที่จะปฏิบัติงานสัมมาอาชีพใดๆ อย่าให้เขาว่าร้ายผู้ใด อย่าให้เป็นคนมักทะเลาะวิวาทกัน แต่ให้เป็นคนสุภาพแสดงอัธยาศัยไมตรีอันดีงาม. . .
จง เตือนเขาให้นอบน้อมต่อเจ้าบ้านผ่านเมือง ให้เชื่อฟังและพร้อมที่จะปฏิบัติงานสัมมาอาชีพใดๆ อย่าให้เขาว่าร้ายผู้ใด อย่าให้เป็นคนมักทะเลาะวิวาทกัน แต่ให้เป็นคนสุภาพแสดงอัธยาศัยไมตรีอันดีงาม. . .
การอ่าน การศึกษา และรวบรวมเรื่องราวต่างๆ เข้าด้วยกันช่วยให้พี่น้องได้มีประสบการณ์มากขึ้นซึ่งเป็นที่แน่นอนว่าผู้ ติดตามท่านอีซามักโดนข่มเหงมากเป็นพิเศษ จากคำพูดของผู้นำศาสนาบางคนที่จะมีข้อซักถาม สงสัย อยากรู้ ว่าทำไมต้องไปติดตามท่านอีซา อย่างไรก็ตามสิ่งนั้นเป็นเพียงวิธีการหนึ่งที่เป็นการพิสูจน์ที่ดี และง่ายที่จะได้เห็นชีวิตที่เปลี่ยนแปลงจากการที่หันมาติดตามท่านอีซา
ความเพียรพยายามที่เกิดขึ้นทุกครั้งให้เราทำเหมือนว่า ท่านอีซาคือเพื่อนสนิทที่อยู่ดูแลเราตลอดเวลา การได้ชี้แจงเหตุผลควรใช้วาจาที่รักษาความสัมพันธ์ที่ดีซึ่งกันและกันไว้ จะช่วยให้เรามีมิตรภาพที่ยั่งยืนกับพี่น้อง ผลลัพธ์ที่ออกมาดีมากเท่าไหร่ ยิ่งจะช่วยให้เราเกรงใจซึ่งกันและกัน ทุกๆครั้งให้เราปฏิบัติต่อกันด้วยความรักที่พระเจ้ามอบให้ สิ่งไหนที่ไม่สามารถเปิดใจได้ก็ขอให้ใช้ความเป็นจริงมากที่สุด และในการมีสัมพันธภาพของการเป็นมิตรแท้นั้นคือต้องยอมรับนับถือซึ่งกันและ กัน ทุกๆเรื่องราวนั้นมีประโยชน์ให้ตอบด้วยความจริงใจต่อคำถามที่ถูกถามมา ซึ่งมุสลิมรู้อยู่แล้วแต่ถ้าต้องการรู้ความเป็นจริงมากยิ่งขึ้นขอให้เปิดใจ และมี
ทัศนคติที่เปิดกว้าง แน่นอนว่าในใจลึกๆนั้น ปรารถนาที่อยากจะรู้ความจริงของอินญีลซึ่งที่สุดแล้ว ความปรารถนาลึกๆนั้น จะนำไปสู่หนทางแห่งความเป็นจริงของการช่วยให้หลุดพ้นจากบาปโดยท่าน อีซา อัลมะซีฮ์
ซึ่งความจริงบรรดาผู้ที่ติดตามท่านอีซาทุกคนไม่ได้มีสิทธิอำนาจใดๆในโลกดุน ยานี้ แต่สิ่งที่พวกเขามีและได้รับก็คือ ภาระต่างๆ ที่ได้ถูกวางลง และได้ถูกปลดออกโดยฝากไว้กับท่านอีซา พวกเขาเป็นผู้รับใช้พระเจ้าที่ได้สำแดงให้เห็นถึงความรักของพระเจ้าที่ทรง ใช้ และยกโทษบาปให้พวกเขาในนามของท่านอีซาพวกเขาจึงไม่ถูกตัดสินในวันกิยามะฮ์ นี่คือทูตของพระเจ้า ประกาศข่าวแห่งการคืนดีกัน ด้วยเหตุนี้ทุกคนจึงต้องคืนดีกับพระเจ้าก่อน แล้วแผ่นดินของพระเจ้าจะครองจิตใจของเราทุกคน
ความเพียรพยายามที่เกิดขึ้นทุกครั้งให้เราทำเหมือนว่า ท่านอีซาคือเพื่อนสนิทที่อยู่ดูแลเราตลอดเวลา การได้ชี้แจงเหตุผลควรใช้วาจาที่รักษาความสัมพันธ์ที่ดีซึ่งกันและกันไว้ จะช่วยให้เรามีมิตรภาพที่ยั่งยืนกับพี่น้อง ผลลัพธ์ที่ออกมาดีมากเท่าไหร่ ยิ่งจะช่วยให้เราเกรงใจซึ่งกันและกัน ทุกๆครั้งให้เราปฏิบัติต่อกันด้วยความรักที่พระเจ้ามอบให้ สิ่งไหนที่ไม่สามารถเปิดใจได้ก็ขอให้ใช้ความเป็นจริงมากที่สุด และในการมีสัมพันธภาพของการเป็นมิตรแท้นั้นคือต้องยอมรับนับถือซึ่งกันและ กัน ทุกๆเรื่องราวนั้นมีประโยชน์ให้ตอบด้วยความจริงใจต่อคำถามที่ถูกถามมา ซึ่งมุสลิมรู้อยู่แล้วแต่ถ้าต้องการรู้ความเป็นจริงมากยิ่งขึ้นขอให้เปิดใจ และมี
ทัศนคติที่เปิดกว้าง แน่นอนว่าในใจลึกๆนั้น ปรารถนาที่อยากจะรู้ความจริงของอินญีลซึ่งที่สุดแล้ว ความปรารถนาลึกๆนั้น จะนำไปสู่หนทางแห่งความเป็นจริงของการช่วยให้หลุดพ้นจากบาปโดยท่าน อีซา อัลมะซีฮ์
ซึ่งความจริงบรรดาผู้ที่ติดตามท่านอีซาทุกคนไม่ได้มีสิทธิอำนาจใดๆในโลกดุน ยานี้ แต่สิ่งที่พวกเขามีและได้รับก็คือ ภาระต่างๆ ที่ได้ถูกวางลง และได้ถูกปลดออกโดยฝากไว้กับท่านอีซา พวกเขาเป็นผู้รับใช้พระเจ้าที่ได้สำแดงให้เห็นถึงความรักของพระเจ้าที่ทรง ใช้ และยกโทษบาปให้พวกเขาในนามของท่านอีซาพวกเขาจึงไม่ถูกตัดสินในวันกิยามะฮ์ นี่คือทูตของพระเจ้า ประกาศข่าวแห่งการคืนดีกัน ด้วยเหตุนี้ทุกคนจึงต้องคืนดีกับพระเจ้าก่อน แล้วแผ่นดินของพระเจ้าจะครองจิตใจของเราทุกคน
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น